China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2004-11-03 17:54:31    
ศึกการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจีน

cri

สุธาทิพย์ โมราลาย

การสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาทั่วประเทศในโลกนั้นมักถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตนักศึกษา ซึ่งได้ชื่อว่ากำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ซึ่งต่างต้องช่วงชิงโอกาสทองช่วงนี้ไว้สำหรับตัวเอง อันเสมือนเป็นใบเบิกทางขั้นต้น ก่อนที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก เพื่อนำความรู้และความสามารถไปทำมาหากินและรับใช้สังคมต่อไป รวมถึงนักศึกษาไทย ดังนั้นการสามารถแย่งชิงพื้นที่สำหรับการเดินเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและคณะที่ตัวเองปรารถนาได้อย่างสง่างามนั้นจึงนับเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดประการหนึ่งของผู้กำลังอยู่ในวัยเรียนทั่วไป ซึ่งหวังปริญญาบัตรสำหรับใบเบิกทางในการทำงานและใช้ชีวิตต่อไป

สำหรับนักศึกษาจีนนั้นก็อาจกล่าวได้ว่า ช่วงการสอบแข่งขันเข้าเรียนทุกระดับนั้นนับเป็น "ศึก"สำหรับนักเรียนทั่วประเทศครั้งใหญ่เลยทีเดียว ด้วยจำนวนประชากรอันมากมายมหาศาล จึงต้องมีการแข่งขันกันในทุกเรื่อง ตั้งแต่เด็กจนโต และในชีวิตประจำวันไปจนถึงในห้องเรียน โดยเฉพาะการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยนั้นนักศึกษาบางคนถึงกับกินไม่ได้และนอนไม่หลับ และขนาดเรียกช่วงนั้นว่า เป็น "ช่วงสีดำ"แห่งชีวิต เช่น หากในปีนั้นการสอบอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ก็เรียกช่วงนั้นว่า "กรกฎาคมสีดำ" เป็นต้น ดังที่นางสาวเถียน หลิงโป นักศึกษาจีนแห่งภาคภาษาไทย ชั้นปีที่ 3 คณะภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ให้สัมภาษณ์รำลึกความทรงจำในช่วงฝ่าฟันมรสุมการศึกษาหลังสำเร็จชั้นมัธยมปลายว่า กว่าจะมาถึงฝั่งฝันจนสามารถมาเลือกจับจองที่นั่งใน "มหาวิทยาลัยปักกิ่ง" ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับที่ได้ชื่อว่า "ดีที่สุดในประเทศจีน"แห่งนี้ได้นั้น เธอได้ผ่านอะไรมาบ้าง

นางสาวเถียน หลิงโป หรือที่มีชื่อไทยว่า "สริตา" กล่าวต่อซีอาร์ไอผ่านรายการ "ฉันอยู่เมืองจีน"ว่า

(เสียงสัมภาษณ์)

"สวัสดีค่ะ ท่านผู้ฟังที่เคารพ ดิฉันชื่อเถียน หลิงโป หรือ "สริตา"ค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่ภาคภาษาไทย คณะภาษาตะวัน มหาวิทยาลัยปักกิ่งค่ะ

ท่านผู้ฟังคงทราบว่า มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน นักเรียนชาวจีนเกือบทุกคนมีความใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาเรียนที่นี่ให้ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในแต่ละปีประเทศจีนมีนักเรียนมากมายที่อยากศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย แต่จำนวนที่สอบเข้าได้มีจำกัด ตามระบบการศึกษาของจีน มาตรฐานการคัดเลือกมีแต่การสอบอย่างเดียวเท่านั้น ถ้านักเรียนคนไหนได้คะแนนสูงๆก็มีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีและเลือกวิชาที่ต้องการเรียนได้ตามใจปรารถนา เพราะฉะนั้น ในหมู่นักเรียนชาวจีนทั่วไปจึงมักจะมีคำกล่าวล้อเล่นกันว่า "ผลการสอบเป็นชีวิตจิตใจของนักเรียน ส่วนการสอบเป็นของวิเศษของอาจารย์" หรือที่ภาษาจีนกล่าวว่า "เฟิน เฟิน เฟิน สัวเชิง เตอะ มิ่งเกิน..... เขา เขา เข่า เหล่าซือ เตอะ ฝ่าเป่า" หมายความว่า "คะแนนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน ส่วนการสอบเป็นวิธีการประเมินผลที่ดีที่สุดสำหรับอาจารย์"ค่ะ

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว นักเรียนคนจีนจึงต้องพยายามเรียนหนังสือให้ดี และด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถรับการศึกษาที่ดี มีอนาคตที่สดใส และไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง

ท่านผู้ฟังคงเดาได้ใช่ไหมคะว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยมีความสำคัญแค่ไหนต่อนักเรียนชาวจีนทั่วประเทศ เมื่อก่อนวันสอบคือประมาณวันที่ 7 –8 และ 9 กรกฎาคม เรามักจะล้อเล่นกันว่าเป็นช่วง "กรกฏาคมสีดำ" แสดงว่าเดือนนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ กล่าวคือทั้งทุกข์จากสภาพอากาศในจีนที่กำลังร้อนมาก และบรรยากาศทั่วไปจากการสอบก็มีความตึงเครียดมากเช่นกัน นักศึกษาบางคนถึงกับกินไม่ได้ และนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว

การสอบครั้งนี้มีระเบียบข้อบังคับอย่างเข้มงวด และมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ถ้าอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ก็ต้องเป็นคนเก่งสุดยอดในหมู่นักเรียน 100 คนที่ได้คะแนนสูงสุดของทั้งจังหวัด ซึ่งมีนักเรียนผู้สมัครสอบแข่งขันกันหลายหมื่นคนค่ะ สถิตินี้แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่นพื้นที่ที่มีประชากรมากกว่านี้ก็มีสถิติที่ยากกว่านี้อีก..."

ท่านผู้ฟังคะ นั่นก็เป็นเสียงสัมภาษณ์ของนางสาวเถียน หลิงโป หรือ "สริตา" นักศึกษาชาวจีนผู้ผ่านประสบการณ์สอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศจีนมาอย่างลำบากยากเย็น แต่ในที่สุดเธอก็สามารถผ่านพ้นศึกด้านการศึกษาดังกล่าวมาได้อย่างสมใจปรารถนา และขณะนี้กำลังมุ่งมั่นศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อจะก้าวไปสู่ฝั่งฝันแห่งความสำเร็จ ในรั้วมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่ตนเองได้เลือก และศึกษาภาคภาษาไทยตามใจรัก เพื่อที่จะนำความรู้ความสามารถไปทำมาหากินและรับใช้สังคมต่อไป

ในนามของรายการ "ฉันอยู่เมืองจีน"ก็ขออวยพรให้นางสาวเถียน หลิงโป ก้าวไปสู่ถึงฝั่งฝันและสำเร็จการศึกษาอย่างราบรื่น สามารถนำวิชาความรู้ด้านภาษาไทยที่ศึกษามาไปรับใช้ตัวเองและสังคมในวงกว้างได้ต่อไปอย่างสมภาคภูมิและสง่างาม

สำหรับรายการ "ฉันอยู่เมืองจีน"วันนี้ ดิฉันสุธาทิพย์ โมราลาย ขอลาไปก่อนเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ สัปดาห์หน้า เวลาเดียวกันนี้ สวัสดีค่ะ