ต่อมา ด้วยการประสานจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐบาล ชาวบ้านจึงหมดห่วง ทาเตะ มัตสุคูนิฮิคุ ได้เช่าที่ดิน 20 เฮกตาร์จากชาวบ้านกว่า 140 ครอบครัว ด้วยค่าเช่าคิดเป็นข้าวจ้าวปีละ 3750 กิโลกรัมหรือเป็นเงินสดเทียบเท่า ทาเตะ มัตสุคูนิฮิคุ ได้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 1 ปี โดยเช่าในระยะเวลา 10 ปี

ชาวบ้านรู้สึกพอใจต่อสัญญาของทาเตะ มัตสุคูนิฮิคุ ชาวบ้านโหยว กวาง จง กล่าวว่า

"ปกติ บ้านเราปีหนึ่ง เก็บเกี่ยวผลิลตได้ประมาณ 500 กิโลกรัมเท่านั้น หักค่าปุ๋ยเคมี ค่าเมล็ดพันธุ์พืชเหลือประมาณ 200-300 หยวน แต่การให้ชาวญี่ปุ่นเช่าที่ดินนั้นจะคุ้มกว่า เช่นนี้แล้ว เราเองสามารถออกไปหางานทำที่อื่น เพื่อหารายได้เพิ่มด้วย "

ที่ญี่ปุ่น ทาเตะ มัตสุคูนิฮิคุเป็นเจ้าของฟาร์มการเกษตร มีที่ดินประมาณ 150 เฮกตาร์ และใช้เครื่องจักรในการผลิตทุกขั้นตอน เขามาลงทุนที่มณฑลเหอหนาน ก็เพื่อเผยแพร่เทคโนโลยีด้านการเกษตรสู่ประเทศจีน นางอยู๋ ชุน เสีย หัวหน้าฟาร์มไร่นาสีเขียวในปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์ว่า

"ขณะนี้ การเกษตรของเราได้ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด เราลงทุนกว่า 2 ล้านหยวนซื้อรถแทรกเตอร์ เครื่องจักรสำหรับใช้ในนาจากญี่ปุ่น 12 เครื่อง ทำให้ได้ประสิทธิผลการเกษตรมากขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น "

แม้ว่าได้ผลสำเร็จในขั้นต้นแล้ว แต่กว่าจะได้รับทุนคืนยังอีกนาน ทาเตะ มัตสุคูนิฮิคุ บอกว่า เขาวางแผนจะเช่าที่ดินเพิ่มอีก 60 เฮกตาร์ เพื่อขยายกิจการ หากเป็นไปได้ เขาจะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวจ้าวจากญี่ปุ่นมาปลูกที่นี่ด้วย นอกจากนี้ เขายังมีแผนจะเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้วย

"หวังว่า กิจการจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และอบรมเกษตรกรทั้งภาษาญี่ปุ่นและด้านเทคโนโลยี เพื่อให้พวกเขามีโอกาสมากขึ้น หากไปหางานที่ญี่ปุ่น ส่วนผู้ที่กลับจากญี่ปุ่นก็มาทำงานในศูนย์อบรมนี้ได้"