อารามเสวียนเมี่ยว เป็นอารามลัทธิเต๋าในเมืองซูโจวมณฑลเจียงซูที่ขึ้นชื่อด้วยดนตรีลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นดนตรีที่บรรเลงขณะประกอบพิธีกรรมทางลัทธิเต๋า ด้วยการรังสรรค์อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานับพันปี ดนตรีลัทธิเต๋าของเมืองซูโจวกลายเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ผู้คนนิยมชมชอบ รายการวันนี้ ขอเสนอเรื่อง ดนตรีลัทธิเต๋าของเมืองซูโจวค่ะ

ก่อนฟังดนตรีลัทธิเต๋า ดิฉันขอแนะนำลัทธิเต๋าอย่างคร่าวๆ ค่ะ คำว่า "เต๋า" แปลว่า "หนทาง" ลัทธิเต๋าเป็นลัทธิที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่กับธรรมชาติ เป็นลัทธิที่มีมาแต่ดั้งเดิมของจีน มีประวัติศาสตร์กว่า 1800 ปีแล้ว จึงมีอิทธิพลต่อจิตใจของนักปราชญ์ ปัญญาชนและศิลปินชาวจีนอย่างกว้างขวาง และเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมสาขาต่างๆ ของจีนตลอดทุกยุคทุกสมัย

"เหล่าจื่อ"เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ได้เขียนข้อความสื่อถึงเต๋าในชื่อหนังสือว่า "เต้าเต๋อจิง" ซึ่งบอกเราว่า การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดคือ คำนึงถึงธรรมชาติ ธรรมชาติของสรรพสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา และความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน

ต่อไปขอเชิญท่านผู้ฟังดนตรีลัทธิเต๋าในชื่อว่า "ไป่ฮวาหยวน" หรือสวนดอกไม้ ค่ะ

ดนตรีลัทธิเต๋ามีทั้งเพลงสรรเสริญ เพลงคาถาที่สามารถขจัดหรือสยบภัย และเพลงยันต์กันภัย มีทั้งการขับร้องแบบเดี่ยว ขับร้องหมู่และการขับร้องแบบประสานกัน โดยใช้เครื่องดนตรีประเภทเป่าและประเภทตี เช่น ขลุ่ยและกลองเป็นสำคัญ มีท่วงทำนองที่เรียบง่ายและเก่าแก่โบราณ และมีเอกลักษณ์ดนตรีทางศาสนาด้วย นับเป็นปุบผาพิสดารในปุบผารามแห่งดนตรีดั้งเดิมของจีน

ดนตรีลัทธิเต๋ามีมากว่า 1700 ปีแล้ว เริ่มจากดนตรีของลัทธิเต๋านิกายเจิ้งอีที่แพร่หลายในภาคใต้ของจีน แล้วมาเฟื่องฟูขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง เนื่องจากดนตรีลัทธิเต๋าได้รับอิทธิพลจากท่วงทำนอง และวิธีการขับร้องจากเพลงพื้นบ้านในภาคใต้ของจีนอย่างต่อเนื่อง ศิลปะดนตรีลัทธิเต๋าของเมืองซูโจวจึงมีระดับสูงขึ้น และได้รับสมญาว่า "ดนตรีเทพนิยายของเมืองซูโจว"

เสี้ย เต้าหมิง นักบวชในลิทธิเต๋าได้วิจัยดนตรีลัทธิเต๋ามาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว เขากล่าวว่า "ดนตรีลัทธิเต๋าใช้ประกอบพิธีกรรมทางลัทธิเต๋า ได้รับอิทธิพลจากดนตรีในพระราชสำนักและดนตรีพื้นบ้านทางภาคใต้ของจีน ดนตรีลิทธิเต๋ามีสีสันทางศาสนาค่อนข้างเข้มข้น ช่วยสร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์และความลึกลับของพระราชวังบนสวรรค์ และมุ่งหวังให้คนใฝ่หาทางธรรม ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย กลมกลืนกับธรรมชาติ และเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา"