ร้านต่อมาที่ผมจะพาไปรู้จักชื่อร้านสติ หรือ "ชาถี" ครับ เจ้าของร้านบอกว่าที่ตั้งชื่อร้านเป็นชื่อนี้ก็เพราะตอนที่ตั้งร้านปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งก็ต้องเจอกับความท้าทาย และปัญหาทั่วไปที่ผู้ประกอบการไทยในจีนมักต้องเจอ ก่อนหน้านี้เธอศึกษาและอาศัยอยู่ที่อเมริกา 5 ปีครับ จนเลือกตัดสินใจบินมาลงทุนทำธุรกิจที่ปักกิ่ง ด้วยความที่ไม่เคยทำด้านอาหารเครื่องดื่มมาก่อน ทุกอย่างจึงต้องเริ่มจากศูนย์ และ "สติ" นี่แหละคือสิ่งที่ประคับประคองธุรกิจให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคมาจนทุกวันนี้
ปัจจุบันร้านสติมีสาขาตั้งอยู่ที่ย่านโซโห กั๋วเม่า และตึกบิวดิ้งเซเว่น เน้นอาหารไทยต้นตำรับ เธอบอกว่าคอนเซ็ปร้านเธอคือ ง่าย ๆ แท้ ๆ เพราะฉะนั้นตัวร้านจึงไม่ได้ตกแต่งอะไรหรู เป็นโมเดิร์นไทย เน้นเสนออาหารรสชาติมือแม่ อาหารแนะนำคือเมี่ยงปลาช่อน ข้าวกะเพรา และข้าวเหนียวมะม่วงที่เน้นใช้สีอัญชัน
ส่วนร้านอาหารไทยร้านสุดท้าย ร้านนี้เราคนไทยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามกันดี เป็นร้านในเครือ "เอสแอนด์พี" ครับ ปัจจุบันมีสองสาขาในจีนใช้ชื่อร้านว่า ภัทรา ตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง และวานิลลา ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ คอนเซปต์ของร้านกลับต่างจากเจ้าอื่น ๆ ตรงที่อาหารที่ทำนั้นเป็นอาหารไทยประยุกต์ ผู้ดูแลบอกกับผมว่าสาเหตุที่จำเป็นต้องปรับรสชาติก็เพราะหากเป็นอาหารไทยแท้ แขกบางท่านอาจจะเข้าไม่ถึง แต่ก็ไม่ใช่ถึงกับว่าเปลี่ยนรสชาติจนจำไม่ได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ แค่สาขาที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ความหลากหลายของเมนูอาหารยังต้องเพิ่มลดต่างกัน เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงกว่า ความแตกต่างหลากหลายของชนชาติจึงทำให้พฤติกรรมการบริโภคอาหารค่อนข้างหลากหลายมากกว่าที่ปักกิ่ง
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยท่านใดที่ต้องการบุกตลาดจีน แต่ทั้งนี้การเตรียมตัวที่ดีเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ เพราะผู้คนแต่ละพื้นที่ แต่ละมณฑลของจีนต่างก็มีลักษณะนิสัยใจคอ มีพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างกันออกไป ยังไงก็อย่าลืมศึกษาทำการบ้านมาดี ๆ นะครับ