เมื่อเร็วๆ นี้ นาย ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากล่าวคำปราศรัยโจมตีจีนว่า ปล่อยเงินกู้ให้แก่ประเทศในทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรปและลาตินอเมริกา รวมหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาบางส่วนตกอยู่ในหลุมพรางหนี้สิน เขากล่าวว่า สหรัฐฯ จะช่วยหาทางเลือกอื่นเพื่อทดแทนจีนให้ประเทศเหล่านี้
ประเทศศรีลังกาเป็นตัวอย่างที่สื่อมวลชนตะวันตกชอบหยิบยกมาอ้างในขณะที่สร้างข่าวหลุมพรางหนี้สินดังกล่าว นายเพนซ์กล่าวว่า ศรีลังกาต้องแบกหนี้มหาศาล เพราะท่าเรือแห่งหนึ่งที่จีนสร้างในศรีลังกา แต่คุณค่าทางการค้าเป็นที่น่าสงสัย ฝ่ายจีนเลยบีบให้ศรีลังกามอบท่าเรือแห่งนี้ให้คนจีนบริหาร ซึ่งอาจกลายเป็นฐานทัพเรือจีนในเร็วๆ นี้
แต่ความจริงคือ ข้อมูลจากธนาคารกลางศรีลังกาแสดงว่า เงินกู้จากจีนเป็นเพียง 10% ของยอดหนี้สินต่างประเทศของศรีลังกาเท่านั้น และเงินกู้จากจีนมี 61.5% ดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาดสากล นายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกากล่าวว่า ศรีลังกาไม่ได้จมอยู่ในหลุมพรางหนี้สินของจีน ส่วนสัญญาเกี่ยวกับการบริหารและพัฒนาท่าเรือดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการร่วมมือระหว่างวิสาหกิจจีนกับฝ่ายศรีลังกา ซึ่งสองฝ่ายตกลงกันตามหลักการทางการค้าบนพื้นฐานที่เสมอภาคและอำนวยประโยชน์แก่กัน วัตถุประสงค์ของความร่วมมือคือ พัฒนาท่าเรือนี้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจศรีลังกา ผลักดันการเชื่อมโยงกันภายในภูมิภาค คาดว่าถึงปี 2020 ท่าเรือดังกล่าวจะสร้างรายได้คิดเป็น 40% ของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาลศรีลังกา อีกทั้งจะสร้างงานโดยตรง 10,000 ตำแหน่งและโดยอ้อมกว่า 60,000 ตำแหน่ง
นอกจากศรีลังกาแล้ว ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เวเนซุเอลา จีบูตีและปาปัวนิวกินี ก็ถูกประเทศตะวันตกจัดอยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ตกอยู่ในหลุมพรางหนี้สินของจีน และประเทศเหล่านี้ล้วนยินดีร่วมมือกับจีนในโครงการ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
อันที่จริง โครงการร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศกำลังพัฒนา ล้วนเกิดขึ้นด้วยการปรึกษาหารือ อีกทั้งจะร่วมกันพัฒนาและร่วมกันแบ่งปันผลประโยชน์ ดังนั้น โครงการเหล่านี้ ถือเป็นขุมทรัพย์ หากไม่ใช่หลุมพราง จนถึงเดือนกันยายนปีนี้ จีนกับประเทศรายทาง“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จำนวน 105 ประเทศและองค์การระหว่างประเทศ 29 องค์การ ได้ลงนามในเอกสารเกี่ยวกับความร่วมมือภาครัฐรวม 149 ฉบับ ปี 2013-2017 ยอดการนำเข้าและส่งออกระหว่างจีนกับประเทศรายทาง“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”เป็น 33.2 ล้านล้านหยวน เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4% ต่อปี
ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่างๆ ที่ถูกตะวันตกกล่าวหาว่าตกอยู่ในหลุมพรางหนี้สินของจีน จึงพากันออกมาโต้ตอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวว่า เงินกู้จากจีนคิดเป็น 1% ของยอดหนี้สินต่างประเทศของฟิลิปปินส์เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ฟิลิปปินส์จะตกอยู่ในหลุมพรางเงินกู้ของจีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีบูตีชี้ให้เห็นว่า ผู้ใดก็ตามล้วนไม่ควรกังวลเรื่องการลงทุนจากจีน การพัฒนาของจีบูตีขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีบูตี ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองของประเทศใดๆ ทั้งสิ้น
Min/Yim/Zheng