รองนายกรัฐมนตรีหลิว เฮ่อ ไขประเด็นร้อนทางเศรษฐกิจและการเงิน

2018-10-20 14:25:59 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_%5c%5c172.100.100.3%5ctemp%5c9500033%5c1%5c9500033_1_1_21d5fd67-25f2-4828-8620-64dc1bea0b58

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา  ที่กรุงปักกิ่ง  นายหลิว เฮ่อ กรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน  รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศจีนด้านตลาดหุ้น  การพัฒนาธุรกิจภาคเอกชน สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบัน  ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั้งจีนและต่างประเทศต่างจับตาให้ความสนใจอยู่  โดยเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ 3 ประการดังนี้

ประการแรก  จีนกำลังกลายเป็นตลาดที่มีคุณค่ามากที่สุดด้านการลงทุน 

นายหลิว เฮ่อ ระบุว่า  เมื่อเร็วๆ นี้  ตลาดหุ้นของจีนเกิดความผันผวนและตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ  เศรษฐกิจของจีนกำลังยกเลิกโครงสร้างเก่าและสร้างโครงการใหม่  ตลอดจนการคาดหมายของตลาดส่งผลกระทบต่อนักลงทุน เป็นต้น  อีกทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นของจีนเป็นพิเศษด้วย แต่กล่าวได้ว่าส่งผลกระทบทางจิตใจมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง

นายหลิว เฮ่อ ชี้ให้เห็นว่า  จีนกำลังกลายเป็นตลาดที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับการลงทุน  การปรับปรุงและรักษาความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาดหุ้นจะสร้างโอกาสการลงทุนและการพัฒนาด้วยดีในระยะยาว

นายหลิว เฮ่อ เน้นว่า  รัฐบาลจีนให้ความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาด้วยดีของตลาดหุ้น  ความต้องการของตลาดหุ้นของจีนในปัจจุบันคือ  สร้างนวัตกรรมทางระบบและปฏิรูปนโยบาย  ด้วยเหตุนี้  รัฐบาลได้ออกมาตรการใหม่จำนวนหนึ่งเพื่อรักษาความมั่นคงของตลาดหุ้น  ปฏิรูประบบขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมให้ตลาดมีแหล่งเงินทุนระยะยาว  ส่งเสริมการปฏิรูปวิสาหกิจของรัฐ พัฒนาธุรกิจภาคเอกชน  และเปิดกว้างเป็นต้น

ประการที่สอง ความจำเป็น 4 ประการของการพัฒนาธุรกิจภาคเอกชน

นายหลิว เฮ่อ ชี้ว่า ต้องยืนหยัดพัฒนาเศรษฐกิจระบบกรรมสิทธิ์สาธารณะกับการส่งเสริม  สนับสนุน  และชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ระบบสาธารณะทั้งสองด้านนี้อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ สำหรับธุรกิจภาคเอกชน  ต้องเน้นความจำเป็น 4 ประการดังนี้ คือ 1)จำต้องยืนหยัดระบบเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน  2)จำต้องให้ความสำคัญอย่างสูงต่อปัญหาความยากลำบากในปัจจุบันที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำลังเผชิญอยู่ 3)จำต้องศึกษาค้นคว้านโยบายและมาตรการสนับสนุนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ลงลึก  และ4)จำต้องเสริมทักษะความสามารถของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตลอดจนเศรษฐกิจภาคเอกชน

คำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า  เศรษฐกิจภาคเอกชนของจีนมีส่วนเกื้อกูลในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติอย่างยิ่ง  โดยสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรเป็นสัดส่วนกว่า 50%  มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)กว่า 60 %   มูลค่าทางนวัตกรรมเทคโนโลยีกว่า 70%   และสร้างตำแหน่งงานและการผุดวิสาหกิจใหม่เป็นสัดส่วนกว่า 90%  ทางการจีนมีความคาดหวังอย่างสูงต่อธุรกิจภาคเอกชนในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติที่มีคุณภาพและการสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่ทันสมัย

ประการที่สาม  เมื่อมองจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์  เศรษฐกิจของจีนมีอนาคตที่สดใสยิ่ง

นายหลิว เฮ่อ กล่าวเน้นว่า  ปัจจุบัน  จีนจำต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตอย่างมั่นคง  การปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ  และการป้องกันความเสี่ยงต่างๆให้ดี  เร่งเดินหน้า 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่  สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจภาคเอกชน  ปฏิรูปวิสาหกิจของรัฐเชิงลึก  เสริมทักษะด้านการบริการของระบบการเงินที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ต้องเร่งตอบสนองความต้องการ 4 ด้าน  ได้แก่  ความต้องการของกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลาง  ความต้องการของประชากรวัยชราภาพ  ความต้องการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการผลิตรอบใหม่  และความต้องการการพัฒนาแบบสีเขียว  เร่งการสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่ทันสมัย

ประการสุดท้าย  นายหลิว เฮ่อ ระบุว่า  ความยากลำบากและปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันของจีนล้วนเป็นความยากลำบากและปัญหาที่ประสบระหว่างกระบวนการพัฒนา  ขอให้ผู้คนทั้งหลายร่วมกันรอคอย วันพรุ่งนี้ของจีนย่อมจะดีงามยิ่งขึ้นแน่นอน(Yim/Zhou/Zhou)

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

周旭