ค่ำวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ยอมรับว่า ประเทศฝรั่งเศสได้ “เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจและสังคม” ทั้งนี้เกี่ยวพันธ์ถึงอนาคตของประเทศซึ่งไม่อาจมองข้ามได้ โดยเขาได้ให้คำมั่น 3 ประการดังต่อไปนี้
1. เขาได้ประกาศมาตรการหลายประการเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน โดยตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า จะมีการปรับรายได้ขั้นต่ำที่ไม่ต้องเสียภาษีเป็น 100 ยูโรต่อเดือน ยกเลิกแผนการเพิ่มเบี้ยประกันสังคมสำหรับการเกษียณอายุสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,000 ยูโรต่อเดือน พร้อมทั้งเรียกร้องให้เจ้าของธุรกิจจ่ายเงินโบนัสแก่พนักงานโดยไม่หักภาษี
2. เขากล่าวเน้นว่า การใช้ความรุนแรงควรได้รับการประณาม และลงโทษตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องลงโทษผู้ฉวยโอกาสก่อเหตุรุนแรง เพื่อพื้นคืน “ความสงบเรียบร้อยของสังคม และความเป็นระเบียบของประเทศ”
3. เขาได้อธิบายปัญหาสังคมในปัจจุบันว่า ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ค้างมาจากรัฐบาลในอดีตตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ส่วนตัวเขาเองได้เข้ามาปกครองประเทศเป็นเวลา 1 ปีเศษ แม้ว่าเขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน แต่ก็ได้มีความพยายามในการปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่แล้ว จึงถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองแล้ว ซึ่งในอนาคต จะมีการปฏิรูปต่อไป พร้อมทั้งเพิ่มการพูดคุยเจรจา และการติดต่อกับวงการต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน และปรับปรุงให้ดีขึ้น
ด้านสื่อมวลชนฝรั่งเศสมองว่า สุนทรพจน์ของนายเอ็มมานูเอล มาครง ดังกล่าว ไม่เพียงแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสถานการณ์ในปัจจุบันเท่านั้น หากยังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในอนาคต แต่สำหรับความไม่พอใจของประชาชนนั้น เขาได้โทษรัฐบาลชุดก่อนเป็นหลัก และไม่ได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะโทษตัวเองว่าพูดจาไม่ดีเป็นบางครั้งแล้ว เขาไม่ได้กล่าวถึงการทบทวนทบทวนมลทมหกดวไไพความผิดพลาดของนโยบายใหม่อย่างจริงจัง
Tim/Ldan/Zhou