จีน---ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ 5 พันปี (21)

2018-12-12 09:52:16 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_20181212上下五千年(21)1

ในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ ขุนนางคนสำคัญที่สนับสนุนนโยบายยอมจำนนกับกองทัพชนเผ่าหนี่ว์เจินได้แก่ ฉินฮุ่ย   เขารับราชการเป็นขุนนางในปลายสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ  ในปีที่กองทัพชนเผ่าหนี่ว์เจินพิชิตเมืองหลวงไคเฟิง   ฉินฮุ่ยก็ถูกทหารชนเผ่าหนี่ว์เจินกวาดต้อนไปอาณาจักร  จินด้วย   ภายหลังได้หนีกลับมาเมืองหนานจิง    กลายเป็นขุนนางที่จักรพรรดิเกาจง แห่งราชวงศ์ซ่งใต้ เชื่อถือไว้วางพระทัยที่สุด   สุดท้าย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดี 

ในระหว่างที่กองทัพชนเผ่าหนี่ว์เจินรุกข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ทำการสู้รบกับกองทัพราชวงศ์ซ่งใต้นั้น   ทางราชวงศ์ซ่งใต้มีแม่ทัพที่สามารถต่อต้านกองทัพหนี่ว์เจินโดยไม่เพลี่ยงพล้ำคนหนึ่ง ชื่อเย่ว์เฟย  เขาเคยยึดหลายพื้นที่คืนจากกองทัพหนี่ว์เจิน  แล้วทำการรบรุกต่อไปจนถึงบริเวณพื้นที่ใกล้เมืองไคเฟิง  เมืองหลวงราชวงศ์ซ่งเหนือที่ถูกยึดไป   กล่าวกันว่า   เย่ว์เฟยเป็นแม่ทัพราชวงศ์ซ่งใต้เพียงคนเดียวที่ทหารหนี่ว์เจินเกรงขาม     แม่ทัพชนเผ่าหนี่ว์เจินเห็นว่า   เอาชนะกองทัพเย่ว์เฟยยากกว่าย้ายภูเขาเสียอีก   อย่างไรก็ดี  ยิ่งเย่ว์เฟยมีชื่อเสียงเกียรติคุณในหมู่ทหารและประชาชน   ก็ยิ่งเป็นผลเสียแก่เย่ว์เฟยเอง  เพราะจักรพรรดิเกาจงไม่ยอมให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่คนใดมีความสำคัญขึ้นมาจนท้าทายราชบัลลังก์ได้   บวกกับเย่ว์เฟยมีนโยบายหลักที่จะสู้รบกับทหารชนเผ่าหนี่ว์เจิน  จนในที่สุดทูลเชิญชินจง จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือให้กลับมาครองราชย์อีก   ด้วยสาเหตุนี้  จักรพรรดิเกาจงจึงทรงหวาดระแวงเย่ว์เฟยมาโดยตลอด    เพราะถ้าเย่ว์เฟยพิชิตอาณาจักรจินได้จริง    ตนก็คงจะไม่มีโอกาสครองราชย์อีก 

ข้างฝ่ายฉินฮุ่ย ขุนนางกังฉินพยายามชักจูงพระทัยเกาจงให้ทรงเห็นว่า  เย่ว์เฟยเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ไม่อาจเจรจาสันติภาพกับทหารหนี่ว์เจินได้    ส่วนข้างชนเผ่าหนี่ว์เจินต้องการกำจัดเย่ว์เฟยแม่ทัพผู้มีความสามารถของราชวงศ์ซ่งใต้  เพื่อสะดวกแก่การพิชิตราชวงศ์ซ่งใต้ต่อไป  ด้วยเหตุนี้   ระหว่างเจรจาสงบศึกระหว่างราชวงศ์ซ่งใต้กับชนเผ่าหนี่ว์เจิน     ฝ่ายชนเผ่าหนี่ว์เจินจึงขอให้ฉินฮุ่ยช่วยหาโอกาสกำจัดเย่ว์เฟย    ฉินฮุ่ยก็เลยทูลจักรพรรดิเกาจงให้ออกพระราชสาส์นด่วน เพื่อเรียกตัวเย่ว์เฟยที่กำลังสู้รบกับทหารชนเผ่าหนี่ว์เจินกลับมาเมืองหลวงด่วน  เมื่อเย่ว์เฟยเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงหังโจว  ก็ถูกจับเข้าคุก   โดยถูกตั้งข้อหาอันเป็นเท็จ

图片默认标题_fororder_20181212上下五千年(21)2

ต่อมา  จักรพรรดิเกาจงได้ทำสัญญาสงบศึกกับชนเผ่าหนี่ว์เจิน  โดยยินยอมสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรจิน    ส่งเครื่องบรรณาการเป็นเงิน  ผ้าไหม ผ้าแพรจำนวนมาก และยกดินแดนทางด้านตะวันตกของมณฑลส่านซีจนถึงด้านตะวันออกของแม่น้ำหวายเหอให้แก่ชนเผ่าหนี่ว์เจิน    ทำให้ดินแดนภาคเหนือทั้งหมดหลุดมือไปจากราชวงศ์ซ่งใต้โดยสิ้นเชิง   ทำให้อาณาจักรราชวงศ์ซ่งใต้มีเนื้อที่เพียงประมาณสองในสามของอาณาจักรที่ราชวงศ์ซ่งเหนือเคยปกครองเท่านั้น 

แต่เนื้อที่ของอาณาจักรที่น้อยลงไปนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของราชวงศ์ซ่งใต้    ที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดก็ได้แก่ เกษตรกรรม   จากการนำพันธุ์ข้าวจากกว่างซีมาปลูก ทำให้ผลิตผลธัญญาหารเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว   ไร่ชาก็มีปริมาณสูงขึ้นมากเช่นเดียวกับไร่ฝ้าย   ผลิตผลเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้นมากนี้  สามารถตอบสนองความต้องการทั้งจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น    และผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่มาจากทางภาคเหนือ 

ลักษณะสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจสมัยราชวงศ์ซ่งใต้อยู่ที่การค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ  การค้ากับต่างประเทศนั้นเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง  ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   พ่อค้าราชวงศ์ซ่งใต้ได้แข่งขันกับชาวอาหรับและเปอร์เซีย  การค้าทางทะเลนี้เกิดขึ้นหลังเส้นทางสายไหมทางบกถูกสองอาณาจักรที่เข้มแข็ง ได้แก่ อาณาจักรซีเซี่ยและอาณาจักรจินควบคุม   พ่อค้าราชวงศ์ซ่งใต้จึงจำเป็นต้องค้าขายกับต่างชาติทางทะเล แทนเส้นทางสายไหมทางบกที่เคยรุ่งเรืองมากในสมัยราชวงศ์ถัง    ผลที่ควบคู่กันไปก็ได้แก่พ่อค้าทางทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเมืองชายฝั่งทะเลต่างๆ  มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ    การค้าที่เติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้นทำให้รายได้จากภาษีการค้าของรัฐบาลสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

การเติบโตขยายตัวของการค้ายังเห็นได้จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของงานประเภทช่างฝีมือและหัตถกรรม   โดยเฉพาะเครื่องถ้วยชามกระเบื้อง  ซึ่งกลายมาเป็นสินค้าส่งออกชั้นนำ   ศูนย์กลางของเมืองชายฝั่งทะเลต่างๆ ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เมืองหลวงหังโจวที่มีพลเมืองถึงกว่าหนึ่งล้านคนได้พัฒนาเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก  

เมื่อค.ศ. 1233 กองทัพชนเผ่ามองโกลร่วมมือกับราชวงศ์ซ่งใต้   เข้ายึดเมืองไคเฟิง เมืองหลวงของอาณาจักรจิน     อาณาจักรจินจึงถึงกาลอวสาน   ซึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านั้น   ราชวงศ์ซ่งเคยเป็นพันธมิตรกับกองทัพชนเผ่าจินในการสู้รบกับชนเผ่าชี่ตัน   แต่ผลสุดท้ายก็คือ  ภายหลังพิชิตชนเผ่าชี่ตันได้แล้ว   ชนเผ่าหนี่ว์เจินก็ยกทัพมาพิชิตราชวงศ์ซ่งเหนือเสีย  ครั้งนี้ก็เช่นกัน   ภายหลังกองทัพมองโกลพิชิตอาณาจักรจินเรียบร้อยแล้ว  ก็บุกลงไปทางภาคใต้  เพื่อพิชิตราชวงศ์ซ่งใต้ต่อไป  จักรพรรดิซ่งใต้ไม่คิดสู้กับกองทัพชนเผ่ามองโกล   จึงพยายามเจรจาสงบศึก    หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 40  ปี  ชนเผ่ามองโกลได้ยกทัพมาโจมตีราชวงศ์ซ่งใต้อีกหลายครั้ง  จนกระทั่งถึงปี 1276  กองทัพชนเผ่ามองโกลได้พิชิตเมืองหังโจว เมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งใต้ได้   บรรดาขุนนางที่ยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์ซ่งใต้พร้อมด้วยแม่ทัพเรือพากันหลบหนีจากเมืองหังโจว  เพื่อสมทบกำลังที่เมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน ทางภาคใต้ของจีน   แต่ราชวงศ์ซ่งใต้ถึงคราวดับสูญเสียแล้ว  กองทัพเรือของราชวงศ์ซ่งต้องซุ่มซ่อนตามชายฝั่งทะเลทางภาคใต้ของจีน เพื่อหลบหลีกกองทัพเรือของชนเผ่ามองโกล   แต่ในที่สุด ก็ถูกล้อมจนมุมที่อ่าวแห่งหนึ่ง    ลู่ซิ่วฟู เสนาบดีราชวงศ์ซ่งใต้ ผู้อุทิศชีวิตในการเลี้ยงดูและปกป้องจักรพรรดิองค์สุดท้าย ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา แบกองค์จักรพรรดิไว้บนหลัง แล้วกระโดดลงไปในทะเล  ราชวงศ์ซ่งใต้เป็นอันดับสูญโดยสิ้นเชิง

图片默认标题_fororder_20181212上下五千年(21)3

ราชวงศ์หยวนของชนเผ่ามองโกลเลือกปักกิ่งเป็นเมืองหลวง  ตลอดเวลาที่ราชวงศ์หยวนครองอาณาจักร  มีจักรพรรดิทั้งหมด 11 พระองค์  นอกจากจักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายครองราชย์เป็นเวลานานองค์ละ 35 ปี  จักรพรรดิองค์อื่นรวมเวลาครองราชย์ทั้งหมดแล้วมีเพียง 39 ปีเท่านั้น  คิดเฉลี่ยแล้วองค์หนึ่งครองราชย์เป็นเวลาเพียง 4 ปี   กล่าวโดยสรุปได้ว่า  หลังจักรพรรดิองค์แรกสิ้นพระชนม์แล้ว   จักรพรรดิองค์ที่สองยังสามารถรักษาผลงานของจักรพรรดิองค์แรกไว้ได้  แต่ภายหลังจักรพรรดิองค์ที่สองสิ้นพระชนม์  ก็เกิดการสู้รบชิงราชบัลลังก์กันเป็นเวลาถึง 25 ปี  ในช่วงเวลาดังกล่าว  จักรพรรดิมักใฝ่หาแต่ความสำเริงสำราญ  ความหรูหราฟุ้งเฟ้อในราชสำนัก   งบประมาณที่ใช้จ่ายในการทำสงครามก็ทำให้ท้องพระคลังขาดดุลไปมาก   ยิ่งในราชสำนักของจักรพรรดิองค์หลัง ยิ่งสิ้นเปลืองงบประมาณมาก  จึงหาทางออกด้วยการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม  ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อที่นับวันรุนแรงขึ้น 

เมื่อค.ศ. 1344   เกิดอุทกภัยร้ายแรงบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง  ระดับน้ำสูงกว่าฝั่ง    เขื่อนพังถล่ม     ราชสำนักแห่งราชวงศ์หยวนใช้ทหาร 20,000 นายเข้าบังคับเกณฑ์แรงงานกว่าหนึ่งแสนคน เพื่อซ่อมเขื่อนที่พังถล่มดังกล่าว  ยังผลให้เกิดความเดือดร้อนมากขึ้นแก่เกษตรกรที่อดอยากยากจนอยู่แล้ว   ระหว่างนั้น   เกิดข่าวลือแพร่สะพัดทั่วไปว่า  มนุษย์หินตาเดียวจะมาปลุกระดมให้เกษตรกรทั้งหลายก่อการกบฏต่อราชวงศ์หยวน   ต่อมา ก็มีชายสองคนที่ถูกเกณฑ์แรงงานขุดดินพบมนุษย์หินตาเดียวขึ้น   ข่าวลือที่เป็นการปลุกระดมเกษตรกรให้จับอาวุธลุกฮือขึ้นต่อต้านราชวงศ์หยวนจึงแพร่หลายลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

  • เสียงข่าวประจำวัน (28-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (28-03-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (28-03-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (27-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (27-03-2567)

何喜玲