ปีหลังๆนี้ พร้อมไปกับการพัฒนาของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีน การส่งพัสดุด่วนมีความเจริญเติบโตขึ้นในจีนอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ ชาวจีนในเมืองสามารถพบเห็นพนักงานส่งพัสดุด่วนในทุกที่ ซึ่งเทคโนโลยีโลจิสติกส์ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซต่างๆทยอยกันประกาศผลคืบหน้าล่าสุดของตนในด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ บริษัทจิงตง (jd.com) ประกาศว่าได้วิจัยและจัดตั้ง “สถานีจัดส่งพัสดุอัจฉริยะ” เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นสถานีจัดส่งพัสดุไร้กำลังคนแห่งแรกในโลก บริษัทซูหนิง (Suning.com) ระบุว่า ถึงปี 2020 จะบรรลุการใช้ “ยานส่งพัสดุไร้คนขับ” อย่างรอบด้าน บริษัทไช่เหนี่ยว (Cainiao) บริษัทโลจิสติกส์ภายใต้สังกัดอาลีบาบากรุ๊ป ระบุว่า “เทคโนโลยีโดรนและยานพาหนะไร้คนขับ” ของตนก็มีความพร้อมแล้ว ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า จีนกำลังจะเข้าสู่ยุคโลจิสติกส์อัจฉริยะที่ไม่ต้องใช้กำลังคน
เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ ยานพาหนะไร้คนขับ “โว่หลง หมายเลข 1” ของบริษัทซูหนิงเริ่มทำงานในเขตชุมชนหวงฉีว์ที่กรุงปักกิ่ง นับเป็นยานส่งพัสดุด่วนไร้คนขับที่ได้รับการประยุกต์ใช้งานอย่างเป็นทางการภายในประเทศจีนเป็นครั้งแรก
เมื่อเร็วๆนี้ ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของบริษัทจิงตงกล่าวว่า พร้อมไปกับการประยุกต์ใช้งานของบิ๊กเดต้า ปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง และเทคโนโลยีอื่นๆ ธุรกิจโลจิสติกส์ก็กำลังบรรลุการทำงานโดยไม่ใช้กำลังคนอย่างมีลำดับขั้นตอน ปัจจุบัน บริษัทจิงตงได้จัดตั้งระบบห่วงโซ่อุปทานแบบใหม่ ซึ่งมีคลังสินค้าอัจฉริยะ โดรน ยานพาหนะไร้คนขับ และสถานีจัดส่งพัสดุอัจฉริยะเป็นตัวแทน
ในจำนวนนี้ คลังสินค้าอัจฉริยะจะจัดการปัญหาในขั้นตอนการคัดเลือก การบรรจุหีบห่อ และการจัดเก็บสินค้า ยานพาหนะไร้คนขับจะรับผิดชอบการขนส่งพัสดุในเมืองเป็นหลัก ส่วนโดรนและสถานีจัดส่งพัสดุอัจฉริยะจะจัดการปัญหาการส่งพัสดุในเขตเขาและชนบทเป็นหลัก
ผลสำรวจแสดงว่า ยอดตลาดโลจิสติกส์อัจฉริยะของจีนในปี 2018 อาจจะเกิน 100,000 ล้านหยวน และจะเพิ่มขึ้น 20% ต่อปีโดยเฉลี่ยใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทไช่เหนี่ยวตั้งเป้าหมายว่า ในช่วง 5-8 ปีข้างหน้า จะสร้างสรรค์เวทีโลจิสติกส์แบบเปิดกว้าง ซึ่งสามารถส่งพัสดุถึงทุกพื้นที่ในทั่วประเทศจีน ภายใน 24 ชั่วโมง
คลังสินค้าอัจฉริยะของบริษัทไช่เหนี่ยว เป็นคลังโลจิสติกส์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการบรรจุหีบห่อ การจัดจำแนกประเภท และการจัดเก็บสินค้า โดยอาศัยเทคโนโลยีหุ้นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัทไช่เหนี่ยวแนะนำว่า ในคลังสินค้าอัจฉริยะดังกล่าว ข้อมูลของสินค้าแต่ละชิ้นถูกจัดเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อให้หุ่นยนต์รู้จักหีบห่อและจัดจำแนกได้ แล้วจึงขนถ่ายและจัดวางโดยยานพาหนะไร้คนขับ
สำหรับบริษัทซูหนิงก็มีคลังสินค้าอัจฉริยะเช่นกัน “ซูเปอร์คลังโลจิสติกส์” ของซูหนิงที่นครเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่การก่อสร้างทั้งหมดกว่า 250,000 ตารางเมตร ได้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 โดยมีการใช้หุ่นยนต์ 270 เครื่องในการขนย้ายสิ่งของ มีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่ากำลังมนุษย์ 5 เท่า
เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ในเขตนิคมเฟิ่งเสียนที่นครเซี่ยงไฮ้ “สิงหลง หมายเลข 1”ชื่อเรียกรถบรรทุกหนักไร้คนขับคันแรกของบริษัทซูหนิง ประสบความสำเร็จในการเริ่มทดลองใช้ โดยรับหน้าที่ขนส่งสิ่งของหนักภายในนิคมโลจิสติกส์ รถดังกล่าวสามารถบรรทุกของที่มีน้ำหนักได้มากถึง 40 ตัน
นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทซูหนิงก็เริ่มใช้งาน “โว่หลง หมายเลข 1” ยานพาหนะไร้คนขับเพื่อขนส่งพัสดุภายในระยะ 3 กิโลเมตรที่กรุงปักกิ่ง นับเป็นครั้งแรกของการใช้ยานพาหนะไร้คนขับเพื่อทำงานขนส่งทั่วไปอย่างเป็นทางการภายในประเทศจีน ยานไร้คนขับนี้มีความเร็วการวิ่ง 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เพียงแต่ขึ้นลิฟท์ได้ หากยังไต่บันใดเป็นด้วย ซึ่งการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ประมาณ 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถทำหน้าที่ขนส่งแทนที่มนุษย์ในวันที่อากาศเลวร้ายและช่วงกลางคืนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ต่างๆ ปัจจุบัน บริษัทซูหนิงได้ออกบริการส่งพัสดุด่วนในระดับต่างๆ รวมถึงบริการจัดส่งถึงเป้าหมายภายใน 30 นาที ภายใน 1 ชั่วโมง หรือตามเวลาที่กำหนดนัดหมาย เป็นต้น โดยการจัดส่งในเมืองจะใช้งาน “โว่หลง หมายเลข 1” ส่วนในเขตเขาหรือชนบทจะใช้โดรน เพื่อให้ผู้คนในเขตเหล่านี้สามารถได้รับบริการที่รวดเร็วและสะดวกเช่นเดียวกับชาวในเมือง
สถิติจากบริษัทซูหนิงระบุว่า จนถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ ระยะการบินของโดรนโลจิสติกส์ซูหนิงในการขนส่งพัสดุในเขตชนบทมีกว่า 50,000 กิโลเมตร นอกจากโดรนขนาดเล็กแล้ว บริษัทซูหนิงยังกำลังวิจัยและผลิตเครื่องบินขนส่งไร้คนขับขนาดใหญ่เพื่อใช้งานในสภาพเงื่อนไขระดับต่างๆ เช่น ซูหนิงกำลังวิจัยเครื่องบินไร้คนขับอีก 2 รุ่น ซึ่งมีน้ำหนักบรรทุกคือ 200 กิโลกรัม และน้ำหนัก 1.5 ตัน
ส่วนผู้รับผิดชอบฝ่ายธุรกิจโดรนของบริษัทจิงตงกล่าวว่า จิงตงได้สร้างสรรค์ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ โดยอาศัยบิ๊กเดต้า ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีความเป็นอัตโนมัติต่างๆ เป็นต้น จนบรรลุซึ่งการลดต้นทุนและยกประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้สูงขึ้นอย่างรอบด้าน
นอกจากนี้ โดรนก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะจิงตง ด้วยการวิจัยและพัฒนาเป็นเวลากว่า 2 ปี โดรนจิงตงกลายเป็นผลงานที่น่าภูมิใจของบริษัทจิงตง ถึงปัจจุบัน โดรนจิงตงได้ปฏิบัติหน้าที่แล้วกว่า 20,000 ครั้ง มีระยะการบินกว่า 100,000 กิโลเมตร จึงได้ประสบการณ์ทำงานด้านนี้มากมาย เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ จิงตงได้ผลิตเครื่องบินขนส่งไร้คนขับขนาดใหญ่เป็นผลสำเร็จ โดยเครื่องบินไร้คับขับดังกล่าวสามารถบรรทุกได้หนักถึง 1 ตัน และสามารถบินต่อเนื่องได้กว่า 1,000 กิโลเมตร
ขณะที่มีการประยุกต์ใช้โดรนและยานพาหนะไร้คนขับในสังคมมากขึ้นทุกวัน ก็มีเสียงแสดงความกังวลต่อเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องตามมาด้วย ผู้คนเกิดข้อกังขาขึ้นว่า จะทำอย่างไรดี ถ้าหากโดรนชนนกในระหว่างการขนส่งทางอากาศ หรือโดรนที่บรรทุกของถูกยิงตกในระหว่างทาง และถ้ายานพาหนะไร้คนขับนี้เกิดอุบัติเหตุขัดข้องระหว่างทางขึ้นจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร เป็นต้น
ด้านนักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า แม้ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายข้อบังคับที่ชี้นำการใช้งานโดรนและยานพาหนะไร้คนขับ แต่เชื่อว่า พร้อมไปกับเทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะได้รับการประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง กฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้องย่อมจะได้รับการกำหนดขึ้นในไม่ช้านี้แน่นอน
Yim/Sun