วันที่ 29 มีนาคม 2019 เป็นวันที่อังกฤษกำหนดจะออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งใกล้จะมาถึง ความขัดแย้งภายในประเทศเริ่มเกิดขึ้น จากแนวโน้มการเปลี่ยนนโยบายหลังการออกจากสหภาพยุโรป มาเป็นเรื่องที่ว่าอังกฤษจะยังคงอยู่ในการตลาดร่วมของสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่ หากว่าอังกฤษยังคงอยู่ในตลาดร่วมของสหภาพยุโรป คงต้องเสียค่าชดเชยที่มากพอสมควร
ย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2016 ที่ชาวอังกฤษลงประชามติเกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ สาเหตุสำคัญที่ฝ่ายคัดค้านการออกจากสหภาพยุโรปคือ หากว่าสูญเสียตลาดร่วมของสหภาพยุโรปแล้ว เศรษฐกิจอังกฤษจะเสียผลประโยชน์อย่างร้ายแรง ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนให้ออกจากสหภาพยุโรปนั้นให้ความเห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตของอังกฤษมีความเหนือกว่า หากว่าสามารถทอดทิ้งสหภาพยุโรปซึ่งเป็นภาระหนักของอังกฤษได้ จะผลักดันให้เศรษฐกิจอังกฤษพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การที่สหภาพยุโรปรณรงค์ให้มีเสรีภาพในการไปมาหาสู่กันด้านบุคลากรและเงินทุนนั้น เป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยของอังกฤษ เมื่อพิจารณาจากฝ่ายที่สนับสนุน และฝ่ายที่คัดค้านจะพบว่า ฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพด้านอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิม ส่วนฝ่ายที่คัดค้านอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอุตสาหกรรมการผลิตที่สาม ส่วนคนในสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือพิจารณาจากผลประโยชน์ของตน โดยส่วนใหญ่คัดค้านอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป แต่ฝ่ายคัดค้านกับฝ่ายสนับสนุนมีจำนวนประชากรไล่เลี่ยกัน ในที่สุด ฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปได้รับชัยชนะ
เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของผู้มีสิทธิลงประชามติ ท่าทีของพรรคการเมืองต่าง ๆ ของอังกฤษได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าทั้งพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานต่างพิจารณาจากการเมืองเพื่อการเลือกตั้ง จึงล้วนใช้นโยบายผ่อนปรน เช่น ตอนแรกที่นางเทเรซ่า เมย์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ ๆ เธอใช้ท่าทีสนับสนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ต่อมา เธอเป็นห่วงว่าการออกจากการตลาดร่วมของสหภาพยุโรปจะกระทบเศรษฐกิจอังกฤษ ตลอดจนกระทบชีวิตทางการเมืองของเธอ เธอจึงมีท่าทีอ่อนลง กลับคำสนับสนุนไม่ให้อังกฤษออกจากการตลาดร่วมของสหภาพยุโรปอีก ส่วนนายเจเรมี่ คอร์เบน หัวหน้าพรรคแรงงานดูเหมือนว่า จะลืมท่าทีที่เคยคัดค้านการออกจากสหภาพยุโรป กลับสนับสนุนให้อังกฤษอยู่ในการตลาดร่วมของสหภาพยุโรปต่อไป
นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า หากว่าอังกฤษออกจากการตลาดร่วมของสหภาพยุโรปแล้ว เศรษฐกิจอังกฤษจะได้รับผลกระทบภายในระยะเวลาหนึ่งอย่างแน่นอน แต่หากว่าการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษจะเป็นไปตามที่นายกเมย์ กล่าวไว้ในคำอวยพรปีใหม่ว่า เมื่อออกจากสหภาพยุโรปแล้ว ชาวอังกฤษจะสร้างความเข้าใจกันใหม่ และจะมีวิสัยทัศน์ระดับโลก บนพื้นฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันของอังกฤษ เศรษฐกิจอังกฤษเมื่อผ่านความยากลำบากเป็นระยะสั้น ๆ แล้ว จะมีโอกาสสูงขึ้นอีก ทว่าสภาพความเป็นจริงคือ การส่งออกของอังกฤษมีอยู่ครึ่งหนึ่งยังคงพึ่งพาอาศัยตลาดของสหภาพยุโรปอยู่ อังกฤษย่อมจะได้รับความเสียหายมหาศาล หากว่าการออกจากสหภาพยุโรปจะช่วยบรรเทาภาระหนักของอังกฤษได้อย่างแท้จริง ก็มีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะสำแดงความได้เปรียบทางด้านอุตสาหกรรมการผลิต และมีฐานะใหม่ในการตลาดโลกอีกครั้ง(Bo/Zhou/Zhou)