จีนมีชนเผ่า 56 ชนเผ่า ซึ่งชนกลุ่มน้อย ที่มีจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ในเขตห่างไกล คำถามคือว่าจะทำอย่างไรให้ชนกลุ่มน้อยทุกชนเผ่าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นเรื่องที่นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีนห่วงใยมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา นายสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปเยือนชนกลุ่มน้อยหลายๆ ชนเผ่าของจีน ไม่ว่าจะไกลเท่าใด หรือเส้นทางจะยากลำบากขนาดไหน ปธน.จีนจะเดินทางไปดูแลความเป็นอยู่ของพวกเขาด้วยตนเอง เพื่อตัดสินใจและจัดโครงการส่งเสริมการพัฒนาและความสมานฉันท์ของชนกลุ่มน้อย
หมู่บ้านตู๋หลงเจียงตั้งอยู่ในอำเภอก้งซาน รัฐนู่เจียง มณฑลหยุนหนาน เป็นหนึ่งในเขตห่างไกลมากที่สุดของจีน การเดินทางมีความยากลำบาก ที่นี่เคยถูกเรียกว่า เป็นสถานที่ที่ “ยากจนทำให้น้ำตาไหล” เมื่อปลายปี 2013 ประชาชนและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมกันเขียนจดหมายถึงนายสี จิ้นผิง โดยได้เล่าข่าวดีที่ทางหลวงอุโมงค์ตู๋หลงเจียงกำลังจะเปิดให้บริการ และได้รับจดหมายตอบจากนายสี จิ้นผิง เพื่อแสดงความยินดี หลังจากนั้น 1 ปี นายสี จิ้นผิง เดินทางไปสำรวจงานที่มณฑลหยุนหนาน และเชิญชาวบ้านในหมู่บ้านตู๋หลงเจียงมาคุยกันที่โรงแรมของเขา
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า “หมู่บ้านตู๋หลงเจียงมีประชากรไม่มากนัก แค่ 6,900 กว่าคน แต่ก็เป็นสมาชิกของครอบครัวใหญ่ของทั้งหมด 56 ชนเผ่า พวกเรามีหน้าที่ฟื้นฟูความเจริญของชนชาติจีน และบรรลุความฝันจีนด้วยกัน ทุกๆ ชนเผ่าต้องมีชีวิตความเป็นอยู่แบบพอกินพอใช้ในทุกด้าน พรรคคอมมิวนิสต์จีนติดตามการพัฒนาและสร้างสรรค์ของทุกชนเผ่า ประชาชนทุกชนเผ่าของจีนต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ระดับพอกินพอใช้ พรรคฯ และรัฐบาลของจีนจะช่วยเหลือและสนับนุนพวกคุณตลอดเวลา”
เขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียงมีพื้นที่ประมาณ 1/6 ของพื้นที่ทั้งหมดของจีน ที่นี่มีประชาชนอาศัยอยู่ 47 ชนเผ่า เช่น ชนเผ่าฮั่น ชนเผ่าอุยกูร์ ชนเผ่าฮาซาเค่อ เป็นต้น ความมั่นคงและการพัฒนาของที่นี่ เป็นเรื่องที่นายสี จิ้นผิงห่วงใย เมื่อเดือนเมษายนปี 2014 นายสี จิ้นผิง เดินทางถึงเขตคาสือทางภาคใต้ของซินเจียง เยี่ยมบ้านของชาวอุยกูร์ ชมบ้านพัก ห้องครัว คอกแกะ สวนผลไม้ และเครื่องจักรการเกษตร เพื่อรับรู้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วไป
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว ระหว่างชนเผ่าต่างๆ นั้น มีความหมายสำคัญ ต้องรักษาอย่างจริงจังและทำให้เกิดประสิทธิผล
งานรักษาความสามัคคีของชนเผ่าต่างๆ ในเขตซินเจียงนั้น เป็นเรื่องที่นายสี จิ้นผิงติดตามมาโดยตลอด เขาเน้นว่า “ความสามัคคีระหว่างชนเผ่าต่างๆ เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตประชาชน เป็นพื้นฐานการพัฒนาและความก้าวหน้าของเขตซินเจียง และเป็นเจตจำนงร่วมของประชาชนจีนกว่า 1,300 ล้านคน ต้องรักษาความสามัคคีเหมือนรักษาชีวิตของตน และอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดเหมือนเมล็ดทับทิม”
เขตซีไห่กู้ของเขตปกครองตนเองชนเผ่าหุยหนิงเซี่ยง เป็นเขตที่มีประชากรยากจนค่อนข้างมาก กระบวนการช่วยพ้นความยากจนและการพัฒนาทางสังคมที่นี่นั้น เป็นเรื่องที่นายสี จิ้นผิง ห่วงใยเป็นพิเศษอีกเช่นกัน เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2016 นายสี จิ้นผิงเดินทางสำรวจงานที่เขตหนิงเซี่ย เขาเล่าถึงความทรงจำในอดีตว่า “เมื่อปี 1997 ผมเดินทางมาถึงที่นี่ รู้สึกสะเทือนใจต่อสภาพความยากจนของที่นี่ และตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามรายงานของคณะกรรมการกลางพรรคฯ ส่งเสริมงานโครงการจับคู่ช่วยเหลือระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับเขตหนิงเซี่ย โดยให้ชาวบ้านย้ายที่อยู่อาศัยไปยังสถานที่ที่เหมาะกับการผลิตและการใช้ชีวิตมากกว่า และสร้างหมู่บ้านหมิ่นหนิงขึ้น”
เมื่อเดือนเมษายนปี 1997 นายสี จิ้นผิง ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามณฑลฝูเจี้ยน และหัวหน้าหน่วยงานจับคู่ดำเนินการช่วยเหลือมณฑฝูเจี้ยน-เขตหนิงเซี่ย เสนอและจัดตั้งหมู่บ้าน “หมิ่นหนิง” ขึ้น ซึ่ง “หมิ่น” เป็นชื่อย่อของมณฑลฝูเจี้ยน ส่วน “หนิง” เป็นชื่อย่อของเขตหนิงเซี่ย เวลาผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมิ่นหนิงได้พัฒนาจากหมู่บ้านยากจนที่มีประชากรกว่า 8,000 คน มาเป็นตำบลหมิ่นหนิงที่มีประชากรกว่า 60,000 เป็นแบบฉบับตำบลอพยพแบบรักษาภาวะนิเวศที่มีน้ำ มีทางหลวง และมีไฟฟ้าใช้ในปัจจุบัน
Bo/Ldan/Zhou