“ปัญหาชวนปวดหัวช่วงหน้าหนาว” ของครู-ผู้ปกครองชาวจีน (1)

2019-02-20 16:16:30 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_20190221(1)

ช่วงนี้ที่จีนยังเป็นฤดูหนาวนะคะ ซึ่งตั้งแต่ย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นต้นมา อากาศของกรุงปักกิ่งก็เริ่มหนาวมากต่อเนื่อง การตื่นแต่เช้าและลุกออกจากผ้าห่ม จึงเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น มีบางคนต้องไปทำงานสายเนื่องจากตื่นไม่ไหว และถึงกับต้องขอลาหยุดงานเนื่องจากตื่นไม่ได้จริงๆ อากาศที่หนาวจัดทำให้มีคนจีนจำนวนไม่น้อยต้องเสียระเบียบ

ในสภาพอากาศหนาวจัด ผู้ใหญ่ยังตื่นแต่เช้าไม่ได้  ก็ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ว่าจะไม่อยากตื่นแต่เช้าและไปโรงเรียนอนุบาลมากแค่ไหน ทำให้พ่อแม่ชาวจีนมักจะพบสภาพดังต่อไปนี้ คือ ตอนเช้าที่เรียกลูกตื่นไปโรงเรียนอนุบาล แต่ลูกไม่อยากจะตื่น ก็จะร้องไห้และชักช้าไม่อยากใส่เสื้อผ้า คุณพ่อคุณแม่หรือปู่ย่าตายายที่รับหน้าที่ปลุกลูกหลาน ก็จะพยายามพูดปลอบหลอกล่อต่างๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เด็กก็ยังไม่อยากจะตื่นออกจากผ้าห่ม

เพราะว่าหนาวค่ะ ก็ชักช้าต่อไป ผู้ปกครองก็ต้องเรียกซ้ำไปซ้ำมา แต่เด็กก็ยังไม่ยอมตื่น ผู้ปกครองหลายคนต้องใช้วิธีเปิดผ้าห่ม อุ้มเด็กขึ้นมาไปล้างหน้า จับแต่งตัว ซึ่งบริการปลุกตอนเช้าทุกวันแบบนี้ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองจีนต้องปวดหัวและรู้สึกคอแห้งมากเป็นพิเศษ ซึ่งจริงๆ แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายก็รู้ว่า เด็กไม่อยากตื่นไม่ใช่เพราะไม่เชื่อฟัง ตนเองที่ตื่นเช้าได้ก็เพื่อส่งลูกไปเข้าโรงเรียน และตนเองก็ต้องไปทำงานต่อ

การปลุกลูกตื่นไปโรงเรียนอนุบาลในฤดูหนาว ไม่ใช่เฉพาะผู้ปกครองฝ่ายเดียวที่รู้สึกปวดหัวกับปัญหานี้ ครูที่โรงเรียนก็ปวดหัวเช่นกันนะคะ เพราะว่า พอถึงฤดูหนาว สาเหตุขอลาหยุดและมาสายในโรงเรียนอนุบาลก็จะมีแปลกๆด้วย อย่างเช่น “อาจารย์คะ ขอโทษนะคะ รถติดมาก จะไปสายหน่อย” แต่จริงๆ แล้ว 3 ชั่วโมงผ่านไป ก็ยังไม่ถึงโรงเรียนอนุบาล หรือว่า “อาจารย์คะ วันนี้ลูกไม่ค่อยสบาย ตอนเช้าไม่มาค่ะ” แต่จริงๆ แล้ว นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่ลูกไม่สบาย ซ้ำยังมีผู้ปกครองขอลาหยุดแบบไม่อ้อมค้อมว่า “อาจารย์คะ อากาศหนาวมาก ลูกอยากจะนอนและตื่นสายหน่อย”

图片默认标题_fororder_20190221(2)

สำหรับปัญหาไปโรงเรียนอนุบาลสายของลูกชาย คิตตี้ที่เป็นแม่รู้สึกว่าสำคัญเหมือนกัน เพราะว่าดิฉันจะตื่นแต่เช้าไม่เกิน 6.30 น. และเรียกลูกชาย-หมี่ตัว ตื่นประมาณ 7.00 น. ซึ่งไม่ค่อยสาย กล่าวได้ว่าปกติเข้าโรงเรียนอนุบาลไม่สายแน่นอน เพราะว่าโรงเรียนอนุบาลของหมี่ตัวไม่ค่อยไกล ห่างไปประมาณ1 กิโลเมตรกว่าๆเท่านั้น แต่ว่าทุกวันก็ต้องรีบร้อนออกจากบ้านและเมื่อไปถึงโรงเรียนอนุบาลแล้ว บางครั้งครูก็พาเด็กคนอื่นๆออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางครั้งตอนทานข้าวเช้า เห็นหมี่ตัวทำเรื่องๆต่างอย่างช้าๆไม่ร้อนใจ ดิฉันเห็นแล้วก็โมโหจริงๆ แต่หมี่ตัวไม่รู้สึกผิดใดๆ พอเจอเพื่อนร่วมชั้นที่มักจะไปโรงเรียนอนุบาลสายเช่นกัน ก็คุยเล่นอย่างสนุกสนานและจับมือกันเดินเข้าห้องไปด้วยกัน โดยไม่ได้ตระหนักถึงความผิดที่ตนมาสายเลย

นิสัยที่ง่ายๆสบายๆของหมี่ตัวเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนและคุณครู ดังนั้น พอเขามาสายและพูดอย่างยิ้มแย้มกับครูว่า ผมนอนนานตื่นสายอีกแล้วครับ ครูก็ยกโทษให้เขา ส่วนดิฉันขณะดูหน้าเขาที่นอนเหมือนเทวดาน้อยที่แสนน่ารัก นั่งดูข้างเตียงเป็นเวลานานก็ไม่อยากที่จะปลุกเขาตื่น ไม่ทราบว่าคุณผู้ฟังเป็นคุณแม่ที่มีความคับอกคับใจเช่นเดียวกับดิฉันหรือเปล่า

ความจริงเด็กๆยังไม่มีความคิดเกี่ยวกับเวลา เพราะยังไม่มีการสร้างเคยชินเรื่องการนอนและตื่น ซึ่งต้องให้ผู้ปกครองมาฝึกอบรมกันอย่างจริงจัง หากผู้ปกครองชอบนอนตื่นสาย และไม่มีความคิดเรื่องของเวลา และทำงานอย่างผัดวันประกันพรุ่ง แน่นอนนะคะ ลูกของคุณก็คงได้เป็นคนขี้เกียจแบบนี้แน่ๆ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อชีวิตการเรียนและการทำงานของเขาในอนาคต

และสาเหตุที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจจะแก้นิสัยไปโรงเรียนสายของหมี่ตัวอย่างจริงจัง ก็เพราะครูของเขาคุยกับดิฉันเป็นเวลานานครั้งหนึ่ง ทำให้ดิฉันตระหนักว่า เป็นการสร้างความเคยชินที่ไม่ดีให้กับเขา และก่อให้เกิดปัญหาต่างๆที่ตามมาจากการมาสายของลูก ดังนั้น ครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงผลกระทบของการไปโรงเรียนอนุบาลสายของเด็กเล็กกันต่อว่ามีอะไรบ้าง

Yim/kt

 

  • เสียงข่าวประจำวัน (19-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (19-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (19-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-04-2567)

周旭