สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายลี่ จั้นซู ประธานคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนพบปะกับนายอาลี ลาริจานี (Ali Larijani) ประธานรัฐสภาอิหร่าน ณ กรุงปักกิ่ง โดยนายลี่ จั้นซู กล่าวว่า จีน-อิหร่านต้องพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศด้วยวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์อันยาวไกล เพื่อผลักดันให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างสองประเทศพัฒนาอย่างมั่นคง
นายลี่ จั้นซู กล่าวว่า จีน-อิหร่านต่างเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมื่อปี 2016 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เยือนอิหร่านอย่างเป็นทางการ สองประเทศได้ตกลงจะพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน ซึ่งนับเป็นการเปิดหน้าใหม่แห่งประวัติการไปมาหาสู่กันฉันมิตรระหว่างจีน-อิหร่าน ในปีหลังๆ ที่ผ่านมานี้ สองฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อตกลงของผู้นำทั้งสองประเทศ ทำให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ได้พัฒนาสู่ระดับลึกซึ้งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายลี่ จั้นซูกล่าวอีกว่า สถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและสลับซับซ้อน ปัจจัยที่ไม่แน่นอนและไม่มั่นคงได้เพิ่มมากขึ้น แต่จุดยืนของจีนที่จะรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านไม่ได้เปลี่ยนแปลง ความมุ่งมั่นตั้งใจของจีนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับอิหร่านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเช่นกัน จีน-อิหร่านต้องพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์อันยาวไกล เพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมืองให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสริมการแลกเปลี่ยนและประสานกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของอีกฝ่ายหนึ่ง ลงลึกความร่วมมือด้านความมั่นคง เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย กระชับความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กันภายใต้กรอบ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ผลักดันให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-อิหร่านพัฒนาอย่างมั่นคง
ด้านนายอาลี ลาริจานี กล่าวว่า เส้นทางสายไหมที่มีตั้งแต่โบราณกาลเป็นพยานแห่งการไปมาหาสู่กันอันยาวนานระหว่างอิหร่าน-จีน ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่เสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงทำให้เส้นทางสายไหมมีความหมายใหม่ อิหร่านพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนด้วยวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์ โดยให้ความสำคัญและพยายามเข้าร่วมการพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” รัฐสภาอิหร่านยินดีที่จะเสริมสร้างการไปมาหาสู่กันกับสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน สนับสนุนความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กันในด้านต่างๆ และจะแสดงบทบาทมากขึ้นในการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
(YIM/cai)