สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า ช่วงเวลา 6 ปี ที่ผ่านมานับตั้งแต่จีนเสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นจำนวนมากในประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ซึ่งได้ช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างมีประสิทธิผล และทำให้พลังขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีแข็งแกร่งขึ้น
หัวหน้าคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีนกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จากนี้ไป จีนจะขยายขอบเขตในการพัฒนาความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยจะดำเนินความร่วมมือกับบริษัทฝ่ายที่ 3 ในการดำเนินโครงการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
นายหวัง เสี่ยวหลง อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ช่วงเวลา 6 ปี นับตั้งแต่จีนเสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เป็นต้นมา ประชาคมโลกมีความเห็นเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มากขึ้นและลึกซึ้งขึ้น จนถึงขณะนี้ มี 123 ประเทศ และ 29 องค์กรระหว่างประเทศลงนามในเอกสารเกี่ยวกับความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”กับจีน ช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานจำนวนมาก เพิ่มพลังขับเคลื่อนที่เข้มแข็งให้กับทุกฝ่าย เพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ขณะนี้ ผลจากการร่วมมือด้านอุตสาหกรรมภายใต้ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็น มีประเทศที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นในห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทานของโลก และมีพลังขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศที่เข้มแข็งขึ้น ประเทศที่เคยล้าหลังในด้านการพัฒนาเหล่านี้กำลังกลายเป็นจุดที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
เมื่อเร็วๆ นี้ การประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นแบบอย่างภายใต้ความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จัดขึ้นที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ผู้สื่อข่าวสังเกตว่า การดำเนินโครงการแบบอย่างเหล่านี้ล้วนได้ยึดมั่นในหลักการ คือ ร่วมปรึกษาหารือกัน เป็นไปตามกลไกการตลาด ให้หลายฝ่ายร่วมมือกัน และให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
นายโจว เสี่ยวเฟย รองเลขาธิการคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนกล่าวว่า จากนี้ไป จีนจะขยายขอบเขตความร่วมมือในด้านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ต่อไป โดยจะดำเนินความร่วมมือกับบริษัทฝ่ายที่ 3 มากขึ้น
(bo/cai)