จีน-สหรัฐฯ ต้องร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบของประเทศใหญ่

2019-04-04 16:26:12 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_%5c%5c172.100.100.3%5ctemp%5c9500032%5c1%5c9500032_1_1_e3331f3a-7852-4201-ae5a-5749ebbf53d0_副本

เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้พบปะคณะผู้แทนกลุ่มเดอะเอลเดอร์ส(The Elders) ที่กรุงปักกิ่ง โดยระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่เกี่ยวพันถึงเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ของโลก  ประเทศใหญ่ต่างมีความรับผิดชอบพิเศษของตน  ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญของโลก  หวังว่า  ทั้งสองประเทศสามารถเดินเข้าหากัน  ควบคุมและบริหารความขัดแย้งกัน  และขยายความร่วมมือ  เพื่อร่วมพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ยึดถือการประสานงาน  ความร่วมมือ และความมั่นคงเป็นพื้นฐาน  พร้อมเสริมสร้างเสถียรภาพและความหวังมากยิ่งขึ้นให้แก่โลก

จากคำบรรยายของปธน.สี จิ้นผิง ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ เมื่อเร็วๆนี้จะพบว่า คำว่า “ความรับผิดชอบ” เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้ง  เนื่องเพราะจีนและสหรัฐฯ ในฐานะประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ  ในฐานะเป็น 2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตมโหฬารถึง 40% ของโลก  ต่างมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก  พิทักษ์สันติภาพระหว่างประเทศ  และรับมือกับการท้าทายต่างๆ ของโลก

  จีน-สหรัฐฯ มีความรับผิดชอบในการแบกรับพันธกรณีทางประวัติศาสตร์ที่จะนำร่องการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ของโลกและอำนวยโอกาสการพัฒนาของโลก  ไม่ควรเพียงแต่ใฝ่หาการพัฒนาก่อนใครอื่นของประเทศตน  จีนกับสหรัฐฯ มีความแตกต่างกันในด้านระบอบ  วัฒนธรรม    และขั้นตอนการพัฒนา  สองประเทศเรามีความขัดแย้งกันดำรงอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ  ตัวอย่างเช่น  ด้านเศรษฐกิจการค้า  ถึงแม้ว่าสองประเทศได้ก่อรูปความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าที่อำนวยประโยชน์แก่กัน  ได้รับชัยชนะร่วมกัน  มีส่วนเกื้อกูลกันอย่างมาก  และมีผลประโยชน์ผสมผสานกันอย่างลึกซึ้งก็ตาม  แต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศเราก็มีความสลับซับซ้อนอีกด้วย  ทุกวันนี้  ห่วงโซ่คุณค่าและห่วงโซ่การผลิตของโลกมีส่วนเกาะเกี่ยวประสานกันอยู่  จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจการค้าโดยผ่านการเพิ่มภาษีหรือเพิ่มการกีดกันทางการค้า  ซึ่งจะขัดขวางการเติบโตของเศรษฐทั้งสองประเทศ  ตลอดจนเศรษฐกิจโลก

ด้วยเหตุนี้  ปธน.สี ตอกย้ำว่า  ความร่วมมือเป็นการเลือกสรรที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย  การรักษาให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ พัฒนาด้วยดีและมั่นคงนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ  และเป็นความปรารถนาของประชาคมโลกอีกด้วย

จีนในฐานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ซึ่งปัจจุบันยังมีสัดส่วนประชากรยากจนจำนวน 16,600,000 คน  แต่จีนก็ยังยินดีร่วมแบกรับความรับผิดชอบทางสากล  และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้  ส่วนสหรัฐฯ ในฐานะเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่ใหญ่ที่สุดของโลก  มีความเหนือกว่าด้านเศรษฐกิจ  วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี  และการทหาร    ยิ่งควรแบกรับความรับผิดชอบอันพึงมีของประเทศใหญ่  ขณะนี้  การปรึกษาหารือกันทางเศรษฐกิจและการค้าระดับสูงระหว่างจีน-สหรัฐฯ รอบที่ 9 กำลังดำเนินอยู่ที่กรุงวอชิงตัน  ทั้งสองประเทศต่างควรควบคุมและบริหารความขัดแย้งกัน  และขยายความร่วมมือในการหารือกันครั้งนี้  เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับทั่วโลก

(Yim/Zhou/Zhou)

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

周旭