“เมษายน” เป็นเดือนที่อากาศเมืองไทยร้อนที่สุด และประเพณีเล่นน้ำสงกรานต์ก็ช่วยเพิ่มความเย็นสดชื่น ลดความร้อนระอุได้พอดีด้วยการสาดน้ำใส่กันเพื่อเป็นการอวยพรและเฉลิมฉลองการมาเยือนของปีใหม่ ในช่วงเทศกาลอันยิ่งใหญ่นี้ ประเทศไทยจะเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความรื่นเริง ไม่ต่างจากตรุษจีนของประเทศจีนเลยทีเดียว
“ประเพณีสงกรานต์” เป็นประเพณีเก่าแก่ต้อนรับปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ แต่การสาดน้ำปีใหม่ไม่ใช่เป็นเทศกาลที่มีเฉพาะในไทยเท่านั้น นอกจากประเทศไทยแล้ว สงกรานต์ยังเป็นปีใหม่ของชาวไตในจีน ชนเผ่าอื่นๆ รวมทั้งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว พม่าและกัมพูชาอีกด้วย แม้ชาติพันธุ์ต่างๆ เหล่านี้จะอยู่คนละประเทศ คนละภูมิภาคแต่รูปแบบในการเฉลิมฉลองนั้นมีความคล้ายคลึงกัน คือ แต่ละประเทศจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองสงกรานต์ไม่ว่าจะเป็นการแข่งเรือพาย ลอยโคม หรืออื่นๆ และไม่ว่าที่ใด กิจกรรมที่ขาดไม่ได้นั้นก็คือการสาดน้ำ เพราะเป็นตัวแทนของความสะอาดและการชำระล้าง ได้ฉลองปีใหม่ด้วยการสาดน้ำไปพร้อมกับแสดงความปรารถนาที่ต้องการในปีใหม่นั้นก็คือมุ่งหวังให้มีความสุขกายสบายใจ และรุ่งเรืองเฟื่องฟู
“เทศกาลสาดน้ำ” รับปีใหม่ของชนเผ่าไตในจีน หรือที่ไทยเรียกว่า “สงกรานต์” จะอยู่ประมาณช่วงกลางเดือนเมษายนเช่นกัน โดยจะจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 3-7 วัน ในช่วงเทศกาลผู้คนสาดน้ำด้วยน้ำสะอาด เพื่อขอพรและให้ชำระล้างสิ่งสกปรกและสิ่งที่ไม่ราบรื่นในปีที่ผ่านมาให้หมดสิ้นไปนี้ การสาดน้ำจึงเป็นเทศกาลของชนเผ่าไตในจีนและเทศกาลดั้งเดิมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับในประเทศไทย ก่อนวันเทศกาล ทุกครัวเรือนจะต้องทำความสะอาดภายในและภายนอกบ้าน เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ในวันเทศกาลชาวบ้านจะไปก่อเจดีย์ทรายที่วัด ปักธงหลากสีพร้อมดอกไม้ ขอพรให้เก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์ และจะมีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ด้วย โดยเอาน้ำอบที่แช่มะลิและกลีบดอกไม้หอมต่างๆไปรดน้ำผู้อาวุโส เพื่อขอขมาและอวยพรให้ผู้ใหญ่มีความสุขสุขภาพแข็งแรง และผู้ใหญ่ก็จะมีการประพรมน้ำลงบนหัวลูกหลานคนรุ่นหลังเป็นการให้พรด้วย
ในจังหวัดปกครองตนเองชนชาติสิบสองปันนา มณฑลยูนนานของจีน ชาวไตที่เลื่อมใสศรัทธาพุทธศาสนาจะนำคุณสัมผัสกับบรรยากาศที่สนุกสนานคึกคักไม่แพ้กัน เพราะตามประเพณีของชนเผ่าไตในจีน ในวันเทศกาล ผู้คนสามารถสาดน้ำใส่คนอื่นได้อย่างสะใจเช่นกัน เพราะคนที่โดนสาดน้ำยิ่งมาก แสดงว่าคนนั้นได้รับความชื่นชอบยิ่งมาก ดังนั้น บรรดาหนุ่มๆมักจะห้อมล้อมหยอกล้อสาวๆทั้งหลาย สุภาพสตรีก็ต้องระมัดระวังตัวหน่อยเช่นกัน และถ้าเดินเที่ยวชมตรอกซอกซอย ต้องระวังการจู่โจมทางอากาศ จากดาดฟ้าบ้านเรือนของชาวบ้าน ถ้าเจอกลุ่มที่แต่งชุดเดียวกันนับว่าพบศึกใหญ่เข้าให้แล้ว ต้องรีบหลบหนีทันที เพราะว่าพวกเขาออกมาจะเป็นหมู่เป็นคณะอาจชวนกันมาทั้งหมู่บ้าน เมื่อเจอพวกเขาสาดน้ำเข้าใส่ จะเปียกโชกทั้งตัวเหมือนลูกหมาตกน้ำแน่นอน แต่ทุกคนจะไม่โกรธเคืองกัน เพราะรู้ว่าน้ำที่แตกกระเซ็นเป็นฟองเย็นฉ่ำนี้ จะนำความรื่นเริงมาให้กับชาวไตและผู้ที่มาเยือน ให้เย็นกายเย็นใจ มีสุขตลอดปี ดังนั้น น้ำที่สาดกระเซ็นเข้าใส่นี้ จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสิริมงคล ความสุขและสุขภาพแข็งแรง ผู้คนทั้งหลายจึงสาดน้ำให้กันอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงหัวเราะรื่นเริง เบิกบาน แม้ว่าจะเปียกน้ำไปทั้งตัวแต่ยังคงตื่นเต้นสนุกกับการเล่นน้ำ
ที่มณฑลยูนนานของจีน มีนักเรียนไทยมาเรียนเป็นจำนวนมาก สงกรานต์ถือได้ว่าเป็นความสนุกส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในต่างประเทศของนักเรียนไทยที่นี่ สำหรับนักเรียนไทยที่เรียนในต่างประเทศนั้น จะมีวิธีการฉลองสงกรานต์กันอย่างไร ผู้สื่อข่าวจีนได้ไปสัมภาษณ์นักเรียนไทยที่มาศึกษาในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน พบว่าสิ่งที่นักเรียนไทยต้องทำในช่วงสงกรานต์ หนึ่ง) หลังอาหารเช้าพวกเขาจะนัดกับเพื่อนๆ ไปไหว้พระ ทำบุญกันที่วัด เพราะคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ต่างเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ การไปทำบุญที่วัดจะถือเป็นการขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองตนและครอบครัวมาตลอดทั้งปี
พร้อมกันนี้ การไปไหว้พระทำบุญก็จะถือเป็นการขอพรให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นในปีใหม่ที่จะมาถึง เตือนสติให้ตนคิดดีทำดีและนำไปสู่ความสำเร็จสมปรารถนา ดังนั้น นักเรียนไทยในเมืองคุนหมิงจึงมักจะเดินทางไปที่วัดหยวนทง เพราะวัดหยวนทงเป็นที่ตั้งของสมาคมพุทธศาสนิกแห่งประเทศจีน นอกจากนี้ เนื่องจากคนไทยนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท และวัดหยวนทงก็มีการตั้งประดิษฐานพระพุทธรูปแบบเถรวาทด้วย คนไทยในคุนหมิงจึงมักจะไปไหว้พระที่นี่
สอง) ระหว่างช่วงสงกรานต์ นักเรียนไทยในจีนที่เมืองคุนหมิงมักจะนัดรับประทานอาหารไทยเป็นกลุ่มใหญ่ โดยมากจะไปฉลองกันที่ร้านอาหารไทย ที่มีเจ้าของร้านเป็นคนไทยด้วย โดยในช่วงสงกรานต์ที่ร้านอาหารไทยก็จะตกแต่งแบบไทยให้อารมณ์เทศกาลเป็นพิเศษด้วย
นอกจากนี้ นักเรียนไทยในเมืองคุนหมิงบางคนยังอาจจะลงมือทำอาหารไทยด้วยตัวเอง เพื่อฉลองกับเพื่อนคนจีนและชาติอื่นๆอีกด้วย ซึ่งช่วงเช้านัดกันไปซื้อกับข้าวที่ตลาดเพื่อนำกลับมาแสดงฝีมือให้เพื่อนต่างชาติได้ชิม
ปกติแล้วของกินที่ขาดไม่ได้ในงานมงคลต่างๆของไทย ก็คือ ของหวาน เพราะของหวานจะแทนความหมายว่าชีวิตในปีใหม่จะหวานฉ่ำเหมือนน้ำตาลอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งขนมไทยที่เป็นนิยมก็เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ทองเอก เม็ดขนุน เป็นต้น วัตถุดิบที่จะนำมาทำขนมเหล่านี้ แน่นนอนว่าหาซื้อไม่ได้ง่ายๆ ในคุนหมิง เลยจำเป็นต้องหาของอื่นมาทดแทน
และในตอนกลางคืนของวันสงกรานต์ บรรดานักเรียนไทยในเมืองคุนหมิงก็จะโทรศัพท์หาที่บ้านหรือไม่ก็วีดีโอคอลล์กัน เพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่กับญาติผู้ใหญ่ที่ไทยด้วย