ช่วงต้นฤดูร้อน ไร่ชาที่ปลูกในเขตเขาไท่หางส่วน ทางใต้ของอำเภอหลินเฉิง มณฑลเหอเป่ย กำลังเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว นายฉี่ว์ เป่าหมิน เจ้าของไร่ชาบริเวณนี้ พร้อมลูกน้องกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานอย่างกระตือรือร้น พิถีพีถันทุกขั้นตอนเพื่อดูแลต้นชาที่ทยอยกันพร้อมเก็บเกี่ยว
ปี ค.ศ. 2012 นายฉี่ว์ เป่าหมินและภรรยา ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัวที่กรุงปักกิ่งเป็นเวลากว่า 10 ปี ตัดสินใจย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่หมู่บ้านถงฮัวใต้ ภูเขาซานเฟิง พร้อมทำสัญญาเช่าที่ดิน 30 โหม่ว (12.5 ไร่) เพื่อสร้างเรือนกระจกปลูกชา จากนั้นจึงนำพันธุ์ชาจากภาคใต้ของจีน มาทดลองปลูกในไร่ชาของพวกเขาซึ่งอยู่ทางภาคเหนือที่มีสภาพดินฟ้าอากาศแตกต่างจากพื้นที่ทางใต้ สำหรับต้นชาหลงจิ่งหมายเลข 43 ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่นำเข้าจากบริเวณ เมืองหางโจว นายฉี่ เป่าหมิน อธิบายว่า สิ่งที่ทรมานที่สุด คือ ฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเหน็บในพื้นที่ภาคเหนือของจีนที่มีลมแรง และอุณหภูมิติดลบนานกว่า 2 เดือน ดังนั้น จึงต้องใช้มาตรการพิเศษเพื่อรักษาความอบอุ่นให้พอเหมาะกับต้นชา แต่หากร้อนจนเกินไปต้นชาก็จะทนไม่ไหว เมื่อมีแดดจ้า ก็ต้องเปิดหน้าต่างเรือนกระจก เพื่อไม่ให้อุณหภูมิภายในร้อนจนเกินไป
เมื่อเปรียบเทียบกับชาวไร่ชาทั่วไป นายฉี่ เป่าหมิน ดูแลเอาใจใส่ต้นชาดั่งลูกหลาน หลายปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถในการปลูกชา โดยยึดหลักไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และใช้ปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น เพื่อประกันให้ใบชามีคุณภาพสูง และสร้างชื่อเสียงให้กับชาหลงจิ่งที่ปลูกในภาคเหนือของจีน จึงทำให้ชาดังกล่าวขายดีในตลาดทั้งกรุงปักกกิ่ง นครเทียนจิน และมณฑลเหอเป่ย