ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” นำประโยชน์สุขสู่ทั่วโลก (4)

2019-06-26 21:43:58 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_20190624一带一路造福沿线国人民(4)a

ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2013   ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเสนอข้อริเริ่มร่วมสร้าง “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21” หรือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ระหว่างเยือนคาซัคสถาน และอินโดนีเซียตามลำดับ   จีนมีสุภาษิตว่า  “ต้นท้อและต้นพลัมไม่จำเป็นต้องออกปากพูด แต่แรงดึงดูดของมันก็ทำให้ใต้ต้นมีทางเดินเกิดขึ้นเอง”   ช่วงหลายปีมานี้  100 กว่าประเทศและองค์กรระหว่างประเทศได้สนับสนุนและมีส่วนร่วมในการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ได้บรรจุเนื้อหาการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”อยู่ในมติที่สำคัญ  ปัจจุบัน วิสัยทัศน์สร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กำลังเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และประสบความสำเร็จที่น่าพอใจ 

ช่วงหลายปีมานี้  การเชื่อมต่อกับนโยบายการพัฒนาระหว่างประเทศต่างๆได้ลงลึกมากยิ่งขึ้นด้วย  ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ย้ำในหลายโอกาสว่า   การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”มีเป้าหมายจะเชื่อมต่อกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศต่างๆทั่วโลก  ทำให้ประเทศต่างๆ สามารถเกื้อกูลกันโดยอาศัยความได้เปรียบของตน   จีนได้เสริมการประสานข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับนโยบายการพัฒนาของประเทศที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งนโยบายการพัฒนาของประเทศต่างๆเหล่านี้รวมถึงนโยบายสร้างสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียของรัสเซีย      แผนแม่บทการเชื่อมโยงอาเซียน   ข้อริเริ่มเส้นทางแห่งความสว่างของคาซักสถาน  

ระเบียงกลางของตุรกี   เส้นทางแห่งการพัฒนาของมองโกเลีย   สองระเบียงหนึ่งวงเศรษฐกิจของเวียดนาม    ศูนย์เศรษฐกิจภาคเหนือของอังกฤษ    และเส้นทางอำพันของโปแลนด์ เป็นต้น  ขณะนี้ จีนเริ่มประสานข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับแผนการพัฒนาของประเทศลาว   กัมพูชา  พม่า    และฮังการีแล้วด้วย    นอกจากนี้  จีน

ยังได้ดำเนินความร่วมมือด้านพลังการผลิตกับกว่า 30  ประเทศ ระหว่างการประชุม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ครั้งแรก และได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการเชื่อมต่อนโยบายการพัฒนาระหว่างประเทศต่างๆ และแผนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง      อีกทั้งยังได้ร่วมกับกว่า 60 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศประกาศส่งเสริมการเชื่อมต่อทางการค้า “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” การเชื่อมต่อนโยบายการพัฒนาระหว่างประเทศต่างๆทำให้เกิดผลดีแบบ “หนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง”

ช่วงหลายปีมานี้  จีนเสริมสร้างการเชื่อมต่อโครงสร้างขั้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง  โดยได้ร่วมมือกับประเทศที่เกี่ยวข้อง เร่งขับเคลื่อนการสร้างทางรถไฟจาการ์ตา-บันดุง ทางรถไฟจีน-ลาว   ทางรถไฟแอดดิสอาบาบา  -นครจิบูตี  ทางรถไฟฮังการี-เซอร์เบีย  และได้พัฒนาท่าเรือกวาดาร์ (Gwadar) ท่าเรือไพรีอัส (Piraeu)  นอกจากนี้  ยังมีโครงการเชื่อมต่อโครงสร้างขั้นพื้นฐานอื่นๆอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการวางแผนและเตรียมการ   ปัจจุบัน   เครือข่ายโครงสร้างขั้นพื้นฐานหลายมิติกำลังก่อรูปขึ้น  จากการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน  ระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย   และระเบียงเศรษฐกิจเส้นทางยูเรเซียใหม่ (New Eurasian Land Bridge)      

เครือข่ายโครงสร้างขั้นพื้นฐานดังกล่าวมีทั้งเส้นทางการคมนาคมทางบก ทางทะเล และทางอากาศ    อีกทั้งยังมีทางด่วนสารสนเทศ  

เครือข่ายนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ต่างๆ เช่น โครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟ  ท่าเรือ และเครือข่ายท่อส่งลำเลียง

图片默认标题_fororder_20190624一带一路造福沿线国人民(4)b

ช่วงหลายปีมานี้  การเชื่อมต่อทางการค้ามีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   จีนและประเทศที่มีส่วนร่วมใน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”พยายามขับเคลื่อนความสะดวกทางการค้าและการลงทุน  และปรับปรุงสภาวะแวดล้อมการประกอบธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เช่น  ปัจจุบัน   สินค้าเกษตรของคาซักสถานและประเทศเอเชียกลางอื่นๆ ที่ส่งออกมายังจีนใช้เวลาผ่านด่านศุลกากรจีนลดลง 90%  ช่วงปี 2014-2016  ยอดมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ  และยอดการลงทุนของจีนในประเทศเหล่านี้มีมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ   บริษัทจีนได้สร้างเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า 56 แห่งในกว่า 20 ประเทศ   ทำให้ประเทศเหล่านี้มีรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีตำแหน่งงาน เพิ่มขึ้นอีก 180,000 ตำแหน่ง   

ช่วงหลายปีมานี้   การเชื่อมต่อทางการเงินก็ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง   ปัญหาคอขวดทางการเงินเป็นการท้าทายที่โดดเด่นมากในการบรรลุการเชื่อมต่อโครงสร้างขั้นพื้นฐาน    จีนกับประเทศและองค์กรระหว่างประเทศที่มีส่วนร่วมใน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ดำเนินความร่วมมือทางการเงินในรูปแบบต่างๆ      เช่น  ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียได้ปล่อยเงินกู้ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่  9  โครงการพัฒนาในประเทศที่มีส่วนร่วมใน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”   กองทุนเส้นทางสายไหมได้ลงทุนไป 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว   บริษัทโฮลดิ้งทางการเงินระหว่างจีนกับ

ประเทศในแถบยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ    ซึ่งกลไกความร่วมมือด้านการเงินรูปแบบใหม่เหล่านี้ มีความแตกต่างจากสถาบันการเงินพหุภาคีแบบดั้งเดิมอย่างเช่น ธนาคารโลก ในด้านเป้าหมายการบริการ    แต่อย่างไรก็ตาม กลไกความร่วมมือด้านการเงินทั้งสองแบบดังกล่าวก็มีส่วนเกื้อกูลกัน ปัจจุบัน  เครือข่ายความร่วมมือด้านการเงินที่มีหลายระดับชั้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้ก่อรูปขึ้นในเบื้องต้นแล้ว  

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า  ช่วงหลายปีมานี้  มีการส่งเสริมการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง    ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีเกิดจากการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน การไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนเกิดจากความเข้าใจกันอันดี   ซึ่งประเทศที่มีส่วนร่วมใน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ต่างเชิดชูส่งเสริมเจตนารมณ์เส้นทางสายไหม   ใช้ความพยายามในการสร้างเส้นทางสายไหมเพื่อการศึกษา  เส้นทางสายไหมเพื่อสุขภาพ  โดยได้ดำเนินความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  การศึกษา วัฒนธรรม  การรักษาพยาบาล  และการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน   ความร่วมมือดังกล่าวได้ปูพื้นฐานแห่งมิตรภาพและสังคมที่แข็งแกร่งให้แก่การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”    รัฐบาลจีนได้ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนจากประเทศที่เกี่ยวข้องปีละ 10,000 คน รัฐบาลท้องถิ่นจีนก็ได้จัดตั้งกองทุนการศึกษาโดยเฉพาะสำหรับประเทศรายทางเส้นทางสายไหม เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศด้านวัฒนธรรมและการศึกษา   นอกจากนี้ โครงการความร่วมมือระหว่างประชาชนต่างๆ  เช่น ปีวัฒนธรรม ปีการท่องเที่ยว  เทศกาลศิลปะ  โครงการภาพยนตร์และโทรทัศน์   งานสัมมนา   และงานแลกเปลี่ยนระหว่างคลังสมองเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมได้เกิดขึ้นอย่างมาก   โครงการความร่วมมือเหล่านี้ได้ช่วยกระชับมิตรสัมพันธ์ระหว่างประชาชนประเทศต่างๆให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น 

ผลสำเร็จที่น่าพอใจเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า  ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” สอดคล้องกับกระแสแห่งยุค  สอดคล้องกับกฎแห่งการพัฒนา และยังสอดคล้องกับประโยชน์ของประชาชนประเทศต่างๆทั่วโลก  จึงมีอนาคตที่กว้างไกลอย่างแน่นอน 

图片默认标题_fororder_20190624一带一路造福沿线国人民(4)c

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงยังกล่าวว่า      จุดเริ่มต้นในการปฏิบัติภารกิจทุกอย่างต้องเผชิญกับความยากลำบากต่างๆอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน   ก้าวแรกในการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้ก้าวออกไปอย่างมั่นคงแล้ว   เราจะต้องดำเนินการตามแนวโน้มที่ต้องเป็นไป  ขับเคลื่อนให้การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ประสบความสำเร็จ   และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนี้  จะต้องสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ให้เป็นเส้นทางแห่งสันติภาพ   เส้นทางสายไหมโบราณมีความเจริญรุ่งเรืองในยุคที่มีสันติภาพ และซบเซาในยุคที่เกิดสงคราม   การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ต้องการสภาวะแวดล้อมที่มีสันติภาพและเสถียรภาพ  เราต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบใหม่ที่มีลักษณะร่วมมือกันเพื่อชัยชนะร่วมกัน  สร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนที่มีการแลกเปลี่ยนกัน ไม่เป็นปรปักษ์กัน เป็นหุ้นส่วนกัน แต่ไม่ผูกเป็นพันธมิตรกัน   ทุกประเทศต้องเคารพอธิปไตย ศักดิ์ศรี บูรณภาพเหนือดินแดนซึ่งกันและกัน เคารพระบอบสังคมของกันและกัน  และคำนึงถึงประโยชน์ที่สำคัญที่สุด  รวมทั้งประเด็นปัญหาที่ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษของกันและกัน  

ซึ่งบางพื้นที่รายทางเส้นทางสายไหมโบราณเคยเป็นแหล่งผลิตนมวัวและน้ำผึ้ง  แต่ปัจจุบัน  หลายพื้นที่ดังกล่าวได้เกิดการปะทะ ความปั่นป่วน วิกฤต และการท้าทาย    สถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรให้ดำรงต่อไปอีก   เราต้องมีวิสัยทัศน์ความมั่นคงร่วมกันที่มีลักษณะครอบคลุมทุกด้าน ร่วมมือกัน และมีความยั่งยืน  เพื่อทำให้เกิดบรรยากาศร่วมสร้างและร่วมรับประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมที่มีความปลอดภัย  เราต้องทุ่มเทกำลังแก้ไขปัญหาประเด็นร้อนด้วยวิถีทางการเมือง     และสนับสนุนการไกล่เกลี่ย ยึดมั่นในความเที่ยงธรรมและยุติธรรม   ต้องเร่งขับเคลื่อนการปราบปรามการก่อการร้าย   แก้ไขปัญหาทั้งปลายทางและต้นทาง   ขจัดความยากจน    ความล้าหลัง  และความไม่ยุติธรรมในสังคม  

  • เสียงข่าวประจำวัน (23-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (23-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (23-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (22-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (22-04-2567)

何喜玲