ตอนนี้ที่จีนอยู่ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน สำหรับโรงเรียนประถมและมัธยมของกรุงปักกิ่งจะหยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม-วันที่ 31 สิงหาคมนี้ สำหรับเด็กนักเรียน การปิดเทอมภาคฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาแห่ง “ความสุขที่รอคอยได้มาถึง” แต่สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เมื่อลูกปิดเทอมจะเหมือน“ความหายนะมาเยือน”ซึ่งมีครูประจำชั้นส่งข้อความถึงผู้ปกครองว่า...

“เรียน ผู้ปกครองทุกท่าน การปิดเทอมภาคฤดูร้อนของเด็กเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเราจะมอบเด็กกลับสู่การดูแลของผู้ปกครองเป็นเวลา 2 เดือน หวังว่าผู้ปกครองกับลูกหลานจะใช้เวลาร่วมกันด้วยดี อย่าโกรธ กลางวันอย่าลืมหุงข้าว ส่วนการบ้านต้องสอนอย่างมีเมตตาและอดทน คุยกับลูกหลานด้วยท่าทีอ่อนนุ่ม เวลาเจอสภาพที่เด็กต่อต้านโต้แย้ง ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าดุว่าและใช้เสียงดัง ช่วงเวลาปิดเทอมภาคฤดูร้อนประมาณสองเดือนนี้เมื่อเทียบกับ 5 เดือนที่เด็กต้องเรียนหนังสือในโรงเรียนย่อมไม่นาน และเด็กคนเดียวเมื่อเทียบกับลูกศิษย์กว่า 40 คนก็ไม่มากนัก หวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะสู้ๆ นะคะ เพราะว่า คุณเป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุดค่ะ”

ดังนั้น จึงมีพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยง “ภัยพิบัติ” นี้ก็พากันจ่ายเงินสมัครชั้นฝึกอบรมต่างๆช่วงการปิดเทอมภาคฤดูร้อนให้กับลูกหลาน ซึ่งนอกจากเพิ่มโอกาสให้ลูกเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกทั้งยังสามารถซื้อความเงียบสงบและช่วงเวลาเป็นส่วนตัวให้กับผู้ปกครองทั้งหลายได้อีก ซึ่งนับว่าเป็นความสุขที่สมบูรณ์แบบมาก

สำหรับชาวเน็ตทั้งหลาย ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเห็นว่า ให้ลูกเรียนหนักขนาดนี้ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนไม่มีความจำเป็น การปิดเทอมภาคฤดูร้อนควรให้เด็กพักผ่อนอย่างจริงจัง เพราะว่าเรียนหนังสือเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ดังนั้น อย่าเพิ่มแรงกดดันด้านการเรียนมากเกินไปกับเด็ก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางลบกับพวกเขา

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเห็นว่า ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เด็กต้องไปเรียน เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ยังต้องไปทำงานไม่มีวันหยุดตาม ดังนั้น ถ้าไม่ไปชั้นเรียนพิเศษ ก็จะไม่มีใครมาดูแลลูก แม้ว่าต้องเสียเงิน แต่ก็ทำให้ลูกได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับผู้ปกครองที่ต้องไปทำงาน และในบ้านไม่มีปู่ย่าตายายมาช่วยดูแล ควรส่งลูกหลานไปเรียนพิเศษในภาคปกเทอมฤดูร้อน แต่หากมีปู่ย่าตายายมาดูแล ไม่ส่งไปเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็โอเค แต่ถ้าไม่มีปู่ย่าตายายมาดูแลหลาน ก็ส่งไปเรียนน่าจะดีกว่า ซึ่งในชั้นจะมีเด็กที่มีอายุเท่าๆกันมาเรียน จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ ข้อดีประการที่สองก็คือ ปู่ย่าตายายที่มีอายุมากแล้ว ถ้าดูแลหลานที่มีชีวิตชีวาและไม่รู้จักเหนื่อยตลอดทั้งวัน ก็ลำบากมาก ส่งไปเรียนพิเศษทำกิจกรรมต่างๆ จะมีครูผู้สอนมาช่วยดูแล ทำให้ลูกหลานได้เรียนรู้เพิ่มทักษะด้านศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เช่น การวาดภาพ ดนตรี และเขียนพู่กันจีนเป็นต้น ซึ่งหากจะทิ้งลูกหลานให้อยู่คนเดียวในบ้าน ก็กังวลว่าอาจจะเกิดอันตรายได้ ดังนั้น การส่งลูกไปเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน  นอกจากผู้ปกครองไม่ต้องลำบากและวางใจได้แล้ว ลูกยังจะได้เรียนความรู้ใหม่ด้วย

เพราะฉะนั้น จึงมีเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามมา ทำให้เกิดการเปิดชั้นเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนมากมาย ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ปกครองชาวจีนจะต้องเสียเงินมาก

เมื่อปี 2016 สมาคมการศึกษาแห่งชาติจีนประกาศรายงานสำรวจแขนงงานด้านการเรียนการสอนพิเศษและสภาพครูขององค์การฝึกอบรมนอกชั้นเรียนของจีนว่า นักเรียนชั้นประถมและมัธยมมีถึง 180 – 200 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพขนาดใหญ่ของการเรียนพิเศษนอกชั้นเรียน โดยขนาดของตลาดองค์การฝึกอบรมนอกชั้นเรียนของนักเรียนชั้นประถมและมัธยมของจีนเมื่อปี 2016 มีมากกว่า 8 แสนล้านหยวน นักเรียนชั้นประถมและมัธยมที่เข้าร่วมการเรียนพิเศษนอกชั้นเรียนมีมากกว่า 137 ล้านคน ส่วนครูขององค์การฝึกอบรมนอกชั้นเรียนมีเป็นจำนวน 7 ล้าน- 8.5 ล้านคน

Yim/kt