เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมวิจัยสิทธิมนุษยชนจีน เผยแพร่บทความในหัวข้อ “ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติของสหรัฐฯ สะท้อนถึงความไม่ตรงไปตรงมาของสิทธิมนุษยชนในแบบสหรัฐฯ” โดยอ้างอิงการสังเกตการณ์ของนักวิชาการสหรัฐฯ รายงานของสื่อมวลชนและการวิเคราะห์ขององค์กรสากล จากตัวอย่างคดีที่วิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อเปิดเผยปัญหาการเหยียดเชื้อชาติของสหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนาน และระบุถึงความไม่ตรงไปตรงมาของสิทธิมนุษยชนในแบบสหรัฐฯ ทำให้ชาวโลกมองเห็นชัดเจนว่า นักการเมืองสหรัฐฯ ใช้สิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง

หลายปีมานี้ สิทธิมนุษยชนนับเป็นอาวุธที่สหรัฐฯ ใช้แทรกแซงกิจการภายใน และใส่ร้ายป้ายสีประเทศต่างๆ  แค่สหรัฐฯ มองใครไม่เข้าตา ก็ต้องใช้วิธีการเผยแพร่รายงานการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่าง ๆ ฉบับหนึ่งออกมา โดยประณามว่า สภาพสิทธิมนุษยชนของต่างประเทศแย่ลงทุกที

ในเวทีสากลนั้น สหรัฐฯ ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่มีเหตุมีผล ในด้านหนึ่งสหรัฐฯ แสดงท่าทีเชิดชูสิทธิมนุษยชนอยู่เหนืออำนาจอธิปไตย ยั่วยุให้ประเทศต่าง ๆ สร้างความขัดแย้งและการปะทะระหว่างชนเผ่า สร้างความวุ่นวายให้กับสันติภาพและความมั่นคงของโลก ในอีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการสากล กีดขวางกระบวนการผลักดันการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลก

สหรัฐฯ ใช้สิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือพิทักษ์อำนาจที่ครองความเป็นผู้ครองโลก แต่มองข้ามปัญหาสิทธิมนุษยชนของตัวเอง เมื่อเผชิญกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ ความเหลื่อมล้ำ การเหยียดเพศและความไม่สงบในประเทศ สหรัฐฯ ควรดูแลสิทธิมนุษยชนของตัวเองก่อนที่จะกล่าวว่าคนอื่น

(Bo/Cui/Zhou)