ปักกิ่งมีประวัติศาสตร์มากว่า 3,000 ปี และก็เป็นเมืองหลวงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์จินซึ่งประมาณ 800 ปีก่อน ที่ผ่านมา ปักกิ่งเคยมีร้านอาหาร ร้านค้าเจ้าเก่าที่คนไทยอาจคุ้นเคยจำนวนมาก เช่น ฉวนจวี้เต๋อที่เป็นภัตตาคารขายเป็ดย่างปักกิ่ง ตงไหลซุ่นที่เป็นภัตตาคารขายสุกี้เนื้อแกะปักกิ่ง เป็นต้น สำหรับวันนี้เราจะมาคุยกันถึงร้านค้า ร้านอาหารโบราณ 3 แห่ง ที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งร้านเก่าแก่พวกนี้อาจจะมีประวัติเพียง 40-50 ปี แต่อยู่ในความทรงจำของคนปักกิ่งรุ่นเก่า และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ห้ามพลาดเวลาที่คุณผู้ฟังมาเที่ยวปักกิ่ง

เริ่มกันที่เจ้าแรกคือ ห้างสรรพสินค้าหู่ฝางเฉียว ตั้งอยู่เลขที่ 81 ถนนเป่ยเหว่ย เขตซีเฉิงในปัจจุบัน การพัฒนาของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทำให้ชาวปักกิ่งส่วนใหญ่นิยมซื้อของออนไลน์ ถ้าหากว่าซื้อของออฟไลน์ ก็มักจะไปซูเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ แต่ห้างสรรพสินค้าหู่ฝางเฉียวที่เราแนะนำนั้น ยังรักษาโฉมหน้าเดิมเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ก็เต็มไปด้วยสินค้านานาชนิด เช่น รองเท้า กระเป๋า โลหะทั้งห้า ครีมบำรุงผิว ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือกะละมัง ซึ่งกะละมังในสมัยนี้มักจะทำด้วยพลาสติก แต่ที่ห้างสรรพสินค้าหู่ฝางเฉียวมีขายกะละมังที่ทำด้วยสังกะสี ทั้งราคาถูกและทำจากวัสดุที่ดีซึ่งเป็นกะละมังที่ชาวปักกิ่งใช้เมื่อหลายสิบปีก่อน สิ่งที่น่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ปัจจุบันพนักงานมักจะคิดบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ มือถือหรือเครื่องคิดเลข แต่พนักงานที่นี่จะใช้ลูกคิด ทำให้ลูกค้าหวนรำลึกถึงความทรงจำในสมัยเด็ก

เจ้าที่ 2 คือร้านขายอาหารจ้าวฝู่เจีย ตั้งอยู่เลขที่ 67 ถนนจ้าวฝู่เจีย เขตตงเฉิงในกรุงปักกิ่ง เคยมีร้านขายอาหารของรัฐบาลจำนวนมาก แต่การปฏิรูปและเปิดประเทศทำให้ร้านขายอาหารแบบนี้ทยอยปิดกิจการ มีแต่ร้านขายอาหารจ้าวฝู่เจียยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ร้านนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ค.ศ. 1956 มีประวัติความเป็นมากว่า 60 ปีแล้ว เป็นร้านที่ขายอาหารต้นตำรับกรุงปักกิ่ง ที่ผนังร้านยังติดหนังสือพิมพ์ทศวรรษ 1970 ศตวรรษที่ 21 เมื่อผู้คนเข้าประตูก็รู้แล้วว่า นี่คือเจ้าเก่ากรุงปักกิ่ง ซึ่งไม่เหมือนเจ้าใหม่ตกแต่งให้เก่า ส่วนอาหารที่ขายดีที่สุดก็คือน้ำจิ้มงาหรือเรียกว่า เอ้อร์ปาเจี้ยง ชาวปักกิ่งชอบกินสุกี้เนื้อแกะ เอาเนื้อแกะลวกน้ำให้สุกแล้วก็จิ้มน้ำจิ้มงา อร่อยมาก แต่น้ำจิ้มงาที่กินนั้นไม่ใช่น้ำจิ้มงาร้อยเปอร์เซ็นต์ อันนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพไม่ดี แต่เพราะว่า ถ้ากินน้ำจิ้มงาร้อยเปอร์เซ็นต์ จะรู้สึกฝาด ถ้าอยากจะให้รสชาติกลมกล่อม ต้องเอาน้ำจิ้มงา 80 เปอร์เซ็นต์คลุกกับน้ำจิ้มถั่วลิสง 20 เปอร์เซ็นต์ถึงจะอร่อย ฉะนั้น น้ำจิ้มเอ้อร์ปาเจี้ยงที่ร้านนี้จึงได้รับความนิยมจากชาวปักกิ่ง มีคนนั่งรถเมล์มาไกล 50 กิโลก็เพื่อซื้อน้ำจิ้มที่นี่

เจ้าที่ 3 ภัตตาคารเย่วปิน ตั้งอยู่เลขที่ 43 ซอยชุ่ยฮัว เขตตงเฉิง

ภัตตาคารเยว่ปินเป็นภัตตาคารที่มีขนาดไม่ใหญ่ มีเพียง10โต๊ะ  แต่ได้รับฉายาว่า เป็นภัตตาคารเอกชนแห่งแรกหลังการปฏิรูปและเปิดประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อค.ศ. 1980 มีประวัติความเป็นมาแล้วเกือบ 40 ปี

รายงานแจ้งว่า ในค.ศ. 1980 จีนเพิ่งดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ โดยเจ้าของภัตตาคารก็ใช้โอกาสนี้ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและเทศบาลนครปักกิ่ง จึงเปิดภัตตาคารแห่งนี้ได้ ซึ่งขายขาหมู ซี่โครงหมู เป็ดย่าง เต้าหู้ยัดไส้ ปลาทรงเครื่อง แกงลูกชิ้นปลาฟักเขียว เป็นหลัก จนถึงเวลานี้ เจ้าของภัตตาคารเป็นลูกหลานรุ่นที่ 3 ของเจ้าของเดิม แต่รสชาติยังเหมือนเดิม ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้มาลิ้มลอง

หากเพื่อนคนไทยอยากจะเพลิดเพลินในกรุงปักกิ่งช่วงฤดูร้อน ก็มา 3 เจ้าดังกล่าวนี้เลย

(Bo/Cui)