เพื่อสอดรับกับกระแสการปฏิรูปอุตสาหกรรมการผลิตและการปฏิรูปทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรอบใหม่ จีนในฐานะประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก กำลังปรับเปลี่ยนจากประเทศใหญ่ด้านอุตสาหกรรมการผลิต เป็นประเทศเข้มแข็งด้านอุตสาหกรรมการผลิต โดยไม่เน้นให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงอย่างเดียว แต่กลับเน้นประสิทธิภาพ ทำให้การอุปโภคบริโภคมีประสิทธิผล ส่งเสริมเศรษฐกิจมีระดับสูงขึ้น และเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ จีนตระหนักว่า การจะทำให้เศรษฐกิจพัฒนาอย่างมีคุณภาพ จำเป็นต้องสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่และนวัตกรรม
หลายปีมานี้ จีนพัฒนากลไกการตลาดอย่างเต็มที่ โดยออกนโยบายจำนวนหนึ่งเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงโยบายสนับสนุนทางการคลัง ภาษีอากร และการเงิน โดยส่งเสริมการก่อตั้งกองทุนบุกเบิกพัฒนาธุรกิจ รวมไปถึงกองทุนรับมือความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญและอยู่ระดับแนวหน้า ส่งเสริมการเปิดกว้างและการแบ่งปันในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมไปถึงการศึกษาวิจัยขั้นพื้นฐาน เร่งประยุกต์ใช้ผลงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ธุรกิจต่าง ๆ ดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างเงื่อนไขที่ดีต่อการเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ อีกทั้งยังทำให้เศรษฐกิจจีนมีความมั่นคงและยืดหยุ่นมากขึ้น
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ชาวตะวันตกบางคนมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังปรับรูปแบบการพัฒนาและสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ แต่กลับนำความเร็วในการเติบโตทางเศรษฐกิจมาวิพากย์วิจารณ์จีน ในขณะที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างเข้มแข็ง ผู้คนเหล่านี้ต่างบอกว่า เป็นการคุกคามจากจีน ในขณะที่เมื่อเศรษฐกิจจีนกำลังดำเนินไปอย่างสมเหตุสมผล พวกเขาต่างบอกว่า เศรษฐกิจจีนกำลังล้มละลาย
สงครามการค้าไม่มีผู้ชนะ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์ในประวัติศาสตร์มานานแล้ว จีนซึ่งกำลังมุ่งสู่การพัฒนาอย่างมีคุณภาพนั้นย่อมจะมีพลังเข้มแข็งยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสมากขึ้นแก่ทั่วโลก ส่วนผู้ที่ก่อสงครามการค้านั้น ย่อมจะประสบกับความเสียหายอย่างหนักหนาสาหัส และจะได้รับบทเรียนจากพฤติกรรมลัทธิฝ่ายเดียว และลัทธิปกป้องทางการค้า
(Tim/Zhou)