เมื่อเร็วๆ นี้ ทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คของสหรัฐฯ ประกาศปิดบัญชีผู้ใช้บริการเกือบพันบัญชี โดยกล่าวหาว่าบัญชีดังกล่าวเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับการประท้วงของฮ่องกง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน แต่ชาวเน็ตได้พบว่า บัญชีที่ถูกห้ามนั้น จริงๆ แล้วเป็นบัญชีที่ได้บอกเล่าถึงความเป็นจริงของผู้ก่อการร้ายที่โจมตีอาคารสภานิติบัญญัติฮ่องกง
คำแถลงของทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คระบุว่า เนื้อหาที่ถูกกำหนดว่า “ผิดข้อบังคับ” มี 2 ประการด้วยกัน คือ หนึ่ง)ต่อต้านการกระทำรุนแรงของผู้ร้ายในการโจมตีอาคารสภานิติบัญญัติ โจมตีตำรวจ กีดขวางการคมนาคม และทำร้ายผู้สื่อข่าว สอง)สนับสนุนตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อพิทักษ์ความเที่ยงธรรม แต่เนื้อหาที่เผยแพร่ภาพความเป็นจริงนั้น กลับถูกทวิตเตอร์และเฟสบุ๊กตัดสินว่าเป็นข่าวปลอม
พร้อมกันนั้น คำพูดที่ใส่ร้ายตำรวจฮ่องกง ส่งเสริมการกระทำของผู้ใช้กำลังรุนแรง และดูหมิ่นรัฐบาลจีนนั้น กลับยังคงปรากฏอยู่บนทวิตเตอร์และเฟสบุ๊ค ตลอดจนยอมรับให้ผู้ใช้กำลังรุนแรงในฮ่องกงแสดงพฤติกรรมผ่านเวทีดังกล่าวต่อไปได้ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการใช้สองมาตรฐานต่อ “เสรีภาพในการพูด” ที่นักการเมืองสหรัฐฯ เน้นอยู่เป็นประจำ ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาคมโลกต้องตกตะลึงเท่านั้น ยังแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำที่มุ่งร้ายกับจีนโดยเฉพาะ สนับสนุนผู้ประสงค์ก่อความวุ่นวายในฮ่องกงและต่อต้านประเทศจีน มุ่งทำให้ฮ่องกงเกิดการปั่นป่วน
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่เสรีภาพในการพูด แต่การกระทำของทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คในปัญหาฮ่องกงนั้น กลับแสดงให้เห็นว่า คำว่า “เสรีภาพในการพูด” “ประชาธิปไตย ความเที่ยงธรรม และยุติธรรม” นั้น เป็นเพียงไพ่ในมือของนักการเมืองสหรัฐฯ เท่านั้น และสามารถใช้ตามใจชอบในแบบสองมาตรฐาน
Yim/Ping/Zhou