คืนวันที่ 30 กันยายนปี 2007 ผู้บริหารชั้นสูงกลุ่มหนึ่งของอาลีบาบาชุมนุมกันที่ห้องประชุมของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหนิงโป ทะเลาะกันเสียงดัง แต่ที่จริงคือกำลังหารือเรื่องสำคัญที่จะสร้างระบบนิเวศของอาลีบาบา เพื่อทำให้ตัวเลขของกิจการทั้งหมด เช่น ข้อมูล เงินทุนและโลจิสติกส์เข้าในระบบเดียวกัน และตั้งชื่อว่า “โครงการขึ้นดวงจันทร์” ปี 2009 อาลีบาบาจัดตั้งศูนย์วิจัย “Ali Cloud” ปี 2013 ศูนย์ “Ali Cloud”ได้ผลิตระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของจีนเอง และตั้งชื่อ “บินฟ้า” หลังจากนั้นได้ใช้เวลาอีก 1 ปีครึ่ง จนถึงเดือนมิถุนายนปี 2015 อาลีบาบาและกลุ่มบริษัทบริการการเงินมดหรือ “เอ็นต์ไฟเน็นเชียล” (ANT FINANCIAL SERVICES GROUP) (บริษัทผู้เสนอเงินกู้และบริการให้กับนักธุรกิจขนาดย่อมและส่วนบุคคล) ได้ย้ายข้อมูลตัวเลขทั้งหมดให้อยู่ในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง“บินฟ้า”ด้วยความสำเร็จ ซึ่งกระบวนการสร้าง“Ali Cloud” ใช้เวลาทั้งหมด 8 ปี ในปี 2015 นั้น มูลค่าอาลีบาบาในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กทะลุ 551,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ปี 2014 หม่า หยุนได้ครองแชมป์เศรษฐีอันดับ 1 ของจีนด้วยสินทรัพย์ 19,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แซงหน้านายหลี่ เยี่ยนหง CEO ของ Baidu และนายหม่า ฮั่วเถิง CEO ของ Tencent
หลังจากนั้นอีก 4 ปี เนื่องจากมูลค่าของ“เอ็นต์ไฟเน็นเชียล”สูงขึ้นมูลค่าสินทรัพย์ของหม่า หยุน สูงขึ้น 70,000 ล้านหยวนหรือราว 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถูกจัดอยู่อันดับ 1 ของรายชื่อคนรวยหูรุ่น (Hurun Rich List) ด้วยสินทรัพย์ 270,000 ล้านหยวน
สิ่งที่มาพร้อมกันคือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอาลีบาบา ปี 2007 กิจการ B2B ของอาลีบาบาเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ปี 2014 อาลีบาบาที่มีอายุ 15 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สร้างสถิติสูงสุดของ IPO ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ รหัสหุ้นชื่อ “BABA”
ปี 2013 หม่า หยุน ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของอาลีบาบา เขาร้องไห้ไปพูดไปว่า “ ถ้าไม่อยากแก่ ไม่แพ้และสมองไม่เสื่อม มีทางเดียวคือ ให้ความไว้วางใจกับวัยรุ่น ผมจะไม่กลับมาอีก เพราะเชื่อมั่น พวกคุณจะทำได้ดียิ่งขึ้น ”
วันที่ 10 กันยายนปี 2019 นายหม่า หยุน ลาออกจากประธานกรรมการของกลุ่มบริษัทอาลีบาบาอย่างเป็นทางการ และส่งต่ออำนาจให้กับนายจาง หย่ง และทีมงานของเขา
รายงานการคลังไตรมาสแรกของปีงบประมาณประจำปี 2020 ของอาลีบาบาแสดงให้เห็นว่า รายได้ของกลุ่มอาลีบาบาสูงถึง 114,922 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผู้ใช้ “เถาเป่า” และ “T-mall” เป็นประจำมีประมาณ 755 ล้านคน
ปัจจุบัน หมวกใบใหม่ของหม่า หยุนมีหลายใบ คือ ครู พนักงานหมายเลข 1 ของอาลีบาบา หุ้นส่วนอาลีบาบา จิตอาสาหมายเลข 1 ของอาลีบาบา ประธานกองทุนช่วยเหลือผู้ยากจนอาลีบาบา ผู้ริเริ่มกองทุนสาธารณประโยชน์อาลีบาบา โฆษกครูชนบท เป็นต้น แต่ประวัติที่เป็นตำนานของหม่า หยุนยังไม่สิ้นสุดลง อาจจะกลับมาในรูปแบบใหม่ ๆ ที่เราคาดไม่ถึง
ปี 2019 นิตยสาร “นโยบายการต่างประเทศ” (Foreign Affairs) ของสหรัฐฯ คัดเลือก10 นักคิดดีเด่นที่ทรงอิทธิพลต่อโลกในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา นายหม่า หยุน ถูกจัดเข้ารายชื่อนี้
ปัจจุบัน อาลีบาบา ไม่เพียงแต่เป็น “ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ” เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าดิจิตอลรอบโลก ซึ่งรวมถึงการค้าดิจิตอล การเงินที่ให้บริการแบบสาธารณะ วัฒนธรรมและการบันเทิงเป็นต้น โดยมีกองหลังที่ให้การสนับสนุนคือ การจ่ายเงินออนไลน์ โลจิสติกส์อัจฉริยะ บิ๊กดาต้าและคลาวด์คอมพิวติ้ง
สำหรับอนาคตของอาลีบาบา นายหม่า หยุนกล่าวว่า หวังว่าอาลีบาบาจะอยู่ได้อย่างน้อย 102 แต่ไม่เคยมีใครสักคนสามารถอยู่เป็นเพื่อนกับอาลีบาบานาน 3 ศตวรรษ เป้าหมายของอาลีบาบาคือ จนถึงปี 2036 ให้บริการแก่ผู้บริโภค 2,000 ล้านคน สร้างโอกาสการมีงานทำ 100 ล้านตำแหน่ง ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 10 ล้านบริษัทมีความสามารถในการสร้างกำไร
นายหม่า หยุน เปิดใจตอนที่ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการอาลีบาบาว่า เราหวังว่า อาลีบาบาจะเข้าร่วมกระแสโลกาภิวัตน์รอบใหม่ในอนาคต สร้างโอกาสให้กับประชาชนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงนักธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วโลก ช่วยพวกเขาขายของ ช่วยให้ชาวบ้านทั่วโลกได้รับการสนับสนุนด้านการเงิน และทำให้สินค้าของทั่วโลกสามารถจำหน่ายถึงกัน นี่คือโลกาภิวัฒน์ที่เราหวังและรอคอย และเรายังมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี ปัจจุบัน อาลีบาบาได้กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี ความเข้มแข็งของเทคโนโลยีจะนำมาซึ่งคุณค่ามากขึ้นต่อสังคม และสร้างความอบอุ่นให้กับมนุษย์ ปัจจุบัน อาลีคลาวด์ (Ali Cloud) สถาบันวิจัยต๋าหมอ หน่วยงานและเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของอาลีบาบาจะใช้ความสามารถของตน เพื่อนำมาซึ่งโอกาสให้กับทั่วโลก
ส่วนคำพูดของหม่า หยุนที่ทำให้ผู้คนประทับใจมากคือ การตัดสินใจสำคัญทั้งหมดในประวัติศาสตร์ของอาลีบาบา ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเงิน แต่เกิดขึ้นจากค่านิยมของเรา
(Bo/Lin)