เริ่มต้นปี 2020 สหรัฐฯ ทำการทิ้งขีปนาวุธ 3 ลูกใส่กรุงแบกแดดของอิรัก นับเป็นการจุดชนวนถังดินปืนในตะวันออกกลาง โดยเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ ใช้โดรนโจมตีสนามบินนานาชาติกรุงแบกแดด เพื่อสังหารนายพลกอเซม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่านจนสำเร็จ
อนึ่ง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ภูมิภาคตะวันออกกลางกลายเป็นถังดินปืนของโลกมาโดยตลอด สหรัฐฯ และประเทศที่มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซงกิจการ ทำให้ภูมิภาคนี้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ อีกทั้งข้อขัดแย้งด้านชนชาติและศาสนา จนเกิดการปะทะกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมาก และเนื่องจากปัจจัยทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ประเทศยุโรปจึงมีผลประโยชน์มากมายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดังนั้น ปัญหาผู้ลี้ภัย ปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน ปัญหาซีเรียและกลุ่มไอซิส ล้วนเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนสำหรับประเทศยุโรป แต่การกระทำตามใจชอบของสหรัฐฯ ครั้งนี้ ทำให้ประเทศยุโรปต้องปวดหัวอย่างหนัก
หลังจากนั้น ในวันที่ 5 มกราคม สหภาพยุโรปประกาศแถลงการณ์ว่า ได้เชิญชวนนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านไปเยือนสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป เพื่อหารือสถานการณ์ตะวันออกกลางและข้อตกลงรอบด้านเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน
วันที่ 7 มกราคม สำนักข่าวฝรั่งเศสรายงานว่า เยอรมนีประกาศถอนกำลังทหารส่วนหนึ่งออกจากอิรัก ส่วนอังกฤษก็สั่งให้เจ้าหน้าที่สถานทูตประจำอิรักกลับประเทศ เหลือเพียงเอกอัครราชทูตเฝ้าประจำเท่านั้น
ทั้งนี้ แม้สหภาพยุโรปพยายามรักษาข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางการกระทำทางเศรษฐกิจและทางทหารต่ออิหร่านโดยลำพังฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ สหภาพยุโรปเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ แต่ถ้าหากสนับสนุนสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย ก็คงทำให้กองทหารยุโรปประจำภูมิภาคตะวันออกกลางเผชิญกับความเสี่ยงด้วย
(Yim/Lin/zhou)