เมื่อวันที่ 28 มกราคม สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาผ่าน “มติว่าด้วยการสนับสนุนและนโยบายต่อทิเบตปี 2019” ซึ่งการนี้ขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งสัญญาณผิดแก่กลุ่มแบ่งแยกทิเบต แสดงให้เห็นอย่างชัดว่า ชาวอเมริกันบางคนใช้ปัญหาทิเบตแทรกแซงกิจการภายในของจีน และหมายจะทำร้ายความสมบูรณ์ของดินแดนจีน
การกลับชาติจุติใหม่ของพระปันเชนลามะเป็นหลักความเชื่อศรัทธาของศาสนาพุทธนิกายทิเบต ไม่ว่าจะพิจารณาจากระบบปกครอง ประวัติศาสตร์ หรือกฎหมาย รัฐบาลกลางมีสิทธิ์ที่จะยืนยันบุคคลดังกล่าว ซึ่งในความเป็นจริง ปันเชนลามะองค์ที่ 14 ก็ได้รับการค้นหาและยืนยันตามประเพณีศาสนาพุทธนิกายทิเบต อีกทั้งได้รับการยืนยันสืบทอดจากรัฐบาลกลางด้วย แต่สภาคองเกรสสหรัฐฯ กลับตั้งมติดังกล่าวเข้าแทรกแซงทิเบตเรื่องการกลับชาติมาจุติใหม่นี้ เป็นการมองข้ามข้อกำหนดทางประวัติศาสตร์ ทำร้ายพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างรุนแรง เป็นการละเมิดกฎหมายและจะเป็นโมฆะ
ขณะเดียวกัน มติดังกล่าวยังกลับมาพูดถึงการตั้งสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในเมืองลาซ่าอีกครั้ง และคุกคามว่าถ้าจีนไม่เห็นด้วย จะไม่อนุญาตให้จีนตั้งสถานกงสุลใหม่ในสหรัฐฯ นี่แสดงให้เห็นถึงความไม่เกรงใจและเย่อหยิ่งของชาวอเมริกันบางคน แสดงให้เห็นถึงเจตนาร้ายที่หมายแทรกแซงกิจการทิเบตและแบ่งแยกจีน
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับทิเบต ไม่ได้เป็นปัญหาชนเผ่าหรือปัญหาทางศาสนา หรือปัญหาสิทธิมนุษยชน แต่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยเหนือดินแดนและความสมบูรณ์ของดินแดนจีน กิจการทิเบตเป็นกิจการภายในของจีน และไม่อนุญาตให้มีการแทรกแซงจากภายนอกใดๆ สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ผ่านมติเกี่ยวกับทิเบต ไม่เพียงแต่ขัดกับกระแสหลักของมติประชาคมโลก ไม่ได้ใจคนแล้ว หากยังขัดต่อภารกิจที่ตัวเองควรแบกรับในขอบเขตร่วมระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ขัดกับคำมั่นสัญญาที่สหรัฐฯ ให้ไว้ว่า ยอมรับทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน และจะไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระของทิเบต จึงไม่มีผลบังคับใช้ใดๆ
Yim/lei/Zi