การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกังวลในเรื่องของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะนี้ทั่วโลกกำลังตั้งคำถามว่า เมื่อใดเศรษฐกิจจีนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกประชุมกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเสนอให้ลงลึกการเปิดสู่ภายนอก และการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและประสานงานกับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ การค้า รักษาความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานโลก รวมทั้งต้องสนับสนุนให้วิสาหกิจส่งออกที่สำคัญเริ่มกลับมาทำการผลิตโดยเร็ว
ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 การกลับมาประกอบธุรกิจและทำการผลิตอีกครั้งมีความยากลำบากในหลายด้าน ทำอย่างไรจึงจะสามารถควบคุมการระบาดของโรค และการพัฒนาเศรษฐกิจไปในช่วงเวลาเดียวกัน นี่ถือเป็นการทดสอบที่หนักมาก ขณะนี้ การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีนมีความรุนแรงในระดับที่ต่างกัน มาตรการในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19ในแต่ละพื้นที่ เช่น การจำกัดการลำเลียงขนส่งสิ่งของ และการเดินทางของผู้คนจึงไม่เหมือนกัน ทำให้กระบวนการเริ่มกลับมาประกอบธุรกิจด้านต่างๆ และทำการผลิตอีกครั้งของแต่ละพื้น ก็แตกต่าง
กันด้วย ขณะนี้ แม้หลายพื้นที่พร้อมที่จะเริ่มกลับมาประกอบธุรกิจและทำการผลิตอีกครั้ง แต่ขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิต ด้วยเหตุนี้ การผลิตระหว่างพื้นที่ต่างๆ ในจีนจึงยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้
อย่างไรก็ดี ชาวจีนเชื่อมั่นว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลส่วนกลาง และรัฐบาลท้องถิ่นของจีนได้ดำเนินนโยบายปรับลดภาษี และค่าประกันสังคมต่างๆ สำหรับวิสาหกิจ เพื่อลดต้นทุนและภาระของวิสาหกิจ จีนยังได้งดเก็บค่าทางด่วนเป็นการชั่วคราว เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ด่านศุลกากรและสำนักงานสรรพากรจีนยังได้ดำเนินนโยบายลดภาษีระยะสั้นต่อวิสาหกิจภาคการส่งออก ในขณะเดียวกันรัฐบาลในพื้นที่ต่างๆ ยังได้ใช้มาตรการสนับสนุนการเริ่มกลับมาประกอบธุรกิจและทำการผลิตอีกครั้งในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น เช่าเหมาขบวนรถไฟ รถบัส และเครื่องบินเพื่อรับส่งแรงงานจากภูมิลำเนาไปยังเมืองที่ทำงาน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น บางวิสาหกิจยังให้เงินอุดหนุนแก่คนงานที่กลับมาทำงาน จากนโยบายและมาตรการดังกล่าว วิสาหกิจในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีนเริ่มกลับมาประกอบธุรกิจ และทำการผลิตอย่างเป็นระเบียบอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจ จนถึงวันที่ 20 ก.พ. รัฐวิสาหกิจที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางจำนวน 48,000 แห่ง ได้กลับมาประกอบธุรกิจและดำเนินการผลิตอีกครั้ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 86.4% ของรัฐวิสาหกิจที่สังกัดรัฐบาลส่วนกลางทั้งหมด
การที่รัฐบาลและวิสาหกิจจีนมุ่งขจัดความยากลำบากต่างๆ เพื่อกลับมาประกอบธุรกิจและเดินสายการผลิตอีกครั้งไม่เพียงแต่เพื่อการอยู่รอดและการพัฒนาวิสาหกิจเองเท่านั้น หากยังเพื่อการดำเนินการอย่างเป็นปกติของห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลกอีกด้วย วิสาหกิจอุตสาหกรรมด้านต่างๆ จำนวนมากของจีนอยู่ในตำแหน่งสำคัญของห่วงโซ่อุปทานของโลก โลกต้องการการผลิตจากจีน ต้องการให้วิสาหกิจจีนประกอบธุรกิจและทำการผลิตอย่างเป็นปกติ วิสาหกิจจีนต้องทำการผลิต เพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานของโลกมีความมั่นคง ในยามที่ต้องเผชิญกับปัญหาการระบาดของโควิด-19 จีนในฐานะเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลกไม่ได้ลืมภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเอง
(bo/cai)