"ขณะกำลังตัดสินใจเรื่องการป้องกันการระบาด ผมถูกบังคับให้ยอมถือการเมืองและความสัมพันธ์เป็นหลัก แทนที่จะทำตามคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นในรัฐบาล" ที่คือคำให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อเร็ว ๆ นี้ ของนายริค ไบร์ท อดีตผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยระดับสูงและการพัฒนาชีวการแพทย์สหรัฐฯ ซึ่งประณามการป้องกันและควบคุมการระบาดของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ "ไม่ชอบมาพากล" ไปก่อนหน้านี้ ในรายงานความยาว 86 หน้า ที่ส่งไปยังสำนักงานอัยการพิเศษของสหรัฐฯ นายไบร์ท อ้างถึงจุดอ่อนต่าง ๆ ของการป้องกันการระบาดของรัฐบาลสหรัฐ โดยกล่าวหาว่า ตัวเขาเองถูกเลิกจ้างอย่างผิดกฎหมาย ทำให้คนทั่วไปเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้งว่า คนที่ทำลายงานป้องกันการแพร่ระบาดของสหรัฐฯ ก็คือผู้กำหนดนโยบายที่เห็นแก่ตัวและละทิ้งหน้าที่
การมีผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 1.25 ล้านราย และผู้เสียชีวิตถึง 75,000 ราย ตัวเลขทั้งสองอันน่าวิตกนี้ ช่างตรงกันข้ามกับสถานะการเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ
แม้การป้องกันและควบคุมโรคระบาดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บรรดานักการเมืองในวอชิงตันกลับทำให้การป้องกันการระบาดเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงเกินจินตนาการของคนทั่วไป อีกทั้งยังเผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการป้องกันและควบคุมโรค ผู้มีอำนาจตัดสินใจในวอชิงตันยังคงปฏิเสธที่จะประเมินตัวเอง แต่กลับสร้างทฤษฎีสมคบคิดโทษจีนเพื่อปัดความรับผิดชอบ รายงานของนายไบร์ท ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนว่า คนอเมริกันที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากหายนะครั้งนี้ เชื่อมโยงกับข้อผิดพลาดและการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ
เนื่องจากหลงใหลบ้าคลั่งในชื่อเสียงทางการเมืองและโชคลาภ บรรดาผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองของสหรัฐฯ กลับไม่เคยป้องกันโรคระบาดอย่างจริงจัง ไม่ถือการป้องกันการแพร่ระบาดเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิต แต่กลับคำนวณกำไร-ขาดทุนของตัวเองทุกที่ ถือชาวอเมริกันเป็นหนูทดลอง และพลาดการป้องกันและควบคุมโรคระบาดอย่างทันเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
Tim/patt/Zdan