เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น นายเจิ้ง หย่งเหนียนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์วิเคราะห์ว่า ผู้มีอำนาจในสหรัฐฯ เห็นแก่ประโยชน์ทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้สหรัฐฯ ล้มเหลวในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 นักการเมืองสหรัฐฯไม่ใส่ใจต่อคำเตือนจากหน่วยข่าวกรอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก และจีนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ทำให้เสียโอกาสในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส เพิ่มความเสี่ยงสะสมและล้มเหลวในการป้องกันรวมถึงการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสในที่สุด
เมื่อเดือนมกราคม แพทย์หญิง Helen Y. Chu ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเคยเตือนว่า ต้องระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายในสหรัฐฯ และได้ยื่นรายงานผลตรวจผู้ป่วยให้แก่องค์กรที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ แต่มีคำสั่งให้เธอหยุดพูดถึงประเด็นดังกล่าว
ในเดือนเดียวกัน นาย Rick Bright อดีตผู้อำนวยการสำนักการวิจัยและการพัฒนาระดับสูงด้านชีวะแพทย์ (Biomedical Advanced Research and Development Authority)ของสหรัฐฯ เตือนเจ้าหน้าที่การแพทย์ระดับสูงและระดับกลางหลายครั้งระหว่างการประชุมภายในว่า ต้องระวังการเกิดปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์อื่นๆ แต่กลับถูกผู้มีอำนาจสหรัฐฯ มองว่า เป็นการตำหนิการทำงานของรัฐบาล นาย Rick Bright จึงถูกสั่งให้หยุดคำเตือนดังกล่าว และถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยไม่มีเหตุผล
ทำไมนักการเมืองสหรัฐฯต้องการให้ผู้ที่แสดงความคิดเห็นที่ถูกต้องหยุดแสดงความคิดเห็นดังกล่าว นักวิเคราะห์มองว่า เบื้องหลังพฤติกรรมของผู้มีอำนาจในสหรัฐฯคือ พวกเขากลัวว่า หากใช้มาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้ง จึงพยายามบอกประชาชนว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และมุ่งสร้างข่าวลือ โยนความผิดให้กับประเทศอื่น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ส่วนประโยชน์ของประเทศสหรัฐฯ และชีวิตของประชาชนกลับไม่มีความหมายในสายตาของผู้มีอำนาจกลุ่มนี้
(bo/cai)