ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนมีความรุนแรง จีนใช้ทุกมาตรการในการต้านโควิด-19 หน่วยงานและองค์กรต่างๆก็ให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่  สถานีวิทยุโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีนหรือ CHINA MEDIA GROUP-CMG องค์กรที่ทำงานปัจจุบันของเราทั้ง 2 คน ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องต้านโควิด-19อย่างมาก

ในช่วงตรุษจีนผมได้เดินทางไปแคนนาดาโดยมีกำหนดจะเดินทางกลับมายังปักกิ่งในวันที่ 2 มีนาคม แต่ผมได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ว่า การเดินทางกลับประเทศของผมอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ขอให้ผมอย่าเพิ่งเดินทางกลับ ผมจึงเลื่อนการเดินทางออกไป ในครั้งแรกผมเลื่อนการเดินทางออกไปเป็นวันที่ 5 เมษายน เพราะเป็นวันที่เร็วที่สุด และต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่ม 15,300 หยวน แม้ว่าตั๋วที่ผมมีจะเป็นตั๋วในลักษณะ open ในช่วงเวลานั้น สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในแคนาดามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  ส่วนประเทศจีนควบคุมได้ในขั้นต้นแล้ว

แต่ช่วงต้นเดือนเมษายน สายการบินแจ้งมาว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศรุนแรง ทางสายการบินได้รับคำสั่งจากกรมการบินพลเรือนจีน ให้ลดเที่ยวบินเส้นทางปักกิ่ง-โตรอนโตจากเดิมสัปดาห์ละหลายเที่ยวบินเหลือเพียงเที่ยวบินเดียว เที่ยวบิน วันที่ 5 เมษายน ถูกยกเลิกแล้ว ผมจึงต้องเปลี่ยนเที่ยวบินมาเป็นวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่เร็วที่สุด ตอนนั้นทางสายการบินแจ้งว่า เที่ยวบินจากต่างประเทศไม่สามารถบินตรงไปลงที่ปักกิ่งได้ ไฟลต์ผมถูกจัดให้บินไปลงที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี และผมต้องรับการกักตัวแบบรวมศูนย์ที่โรงแรมหนึ่งแห่งในซีอานเป็นเวลา 14 วัน ก่อนจะเดินทางต่อมายังกรุงปักกิ่ง  

ขั้นตอนการปฏิบัติในตอนนั้นคือ ผมต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหนึ่งสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ต้องกรอกข้อมูลทุกวัน เช่นอุณหภูมิ มีอาการไม่สบายหรือไม่  วันนี้ได้เดินทางไปที่ใดบ้าง เขตชุมชนที่พักมีการพบผู้ติดเชื้อหรือไม่ เป็นต้น ทำอย่างนี้ครบ 14 วันแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ตัวแอพก็จะมีเครื่องหมายที่เป็นรูปเครื่องบินปรากฏขึ้น เป็นการยืนยันว่า สามารถขึ้นเครื่องบินได้ ระหว่างนี้ ถ้าเกิดลืมกรอกข้อมูลวันหนึ่งจะต้องเริ่มต้นใหม่ และจะมีผลกระทบต่อวันเดินทาง ในช่วงเวลานั้นการซื้อตั๋วเดินทางกลับประเทศจีน ถือว่ามีการแข่งขันสูง ราคาพุ่งขึ้นไปเป็นหลายหมื่นหยวน แต่ก็ยังมีความต้องการเป็นจำนวนมาก และมีคนที่จองตั๋วไม่ได้

การเดินทางตลอด 15 ชั่วโมงของผม เป็นไปด้วยความราบรื่นแม้จะไม่เหมือนการเดินทางปกติ เที่ยวบินผมลงที่สนามบินในซีอานประมาณหนึ่งทุ่มของวันที่ 14 พฤษภาคม ตามเวลาปักกิ่ง กว่าจะลงเครื่องได้ต้องรอเป็นชั่วโมง มีรถบัสส่งไปยังจุดพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจากต่างประเทศ มีแบบฟอร์มให้กรอก เข้าคิวโดยเว้นระยะห่างในจุดต่างๆ ซึ่งแต่ละจุดมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำวิธีปฏิบัติ เช่น สอบถามข้อมูล เจาะเลือด รับตัวอย่างเพื่อตรวจกรดนิวคลีอิกผ่านช่องจมูกทั้งสองข้างและลำคอ เมื่อผ่านจุดนี้มาแล้วค่อยมาที่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง เสร็จแล้วไปรอที่ห้องรับรองผู้โดยสารที่จัดไว้พิเศษซึ่งคนนอกจะเข้ามามิได้ รออยู่หลายชั่วโมง ต่อจากนั้น รถบัสส่งทุกคนไปโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน ก่อนเข้าโรงแรมทั้งคนและกระเป๋าต้องรับการฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อ วัดอุณหภูมิ  ตอนเช็กอินโรงแรม ก็ต้องกรอกข้อมูลอีกครั้ง จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งทั้งหมดต้องรับผิดชอบเอง ค่าที่พักคืนละ 380หยวน  ค่าอาหาร 80 หยวน และค่าตรวจกรดนิวคลีอิก 120 หยวน มารู้ทีหลังว่า การเจาะเลือดและเก็บตัวอย่างตรวจกรดนิวคลีอิกที่สนามบินนั้น รัฐบาลจีนเป็นผู้รับภาระ

ห้องพักโรงแรมดีพอใช้ ห้องสะอาด กว้างไม่อึดอัด มีทีวีจอแบนขนาดใหญ่ โรงแรมเตรียมน้ำดื่ม กระดาษชำระ และกระดาษทิชชู่ไว้เพียงพอสำหรับ 14 วัน หลักจากนั้น มีเจ้าหน้าที่มาวัดอุณหภูมิวันละสองรอบ เช้ากับบ่าย ส่วนอาหารสามมื้อมีเจ้าหน้าที่ส่งมาวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ตัวหนึ่งหน้าห้อง ในตอน 8 โมงเช้า เที่ยงตรงกับ 6 โมงเย็น เราถูกกำชับห้ามเดินออกนอกห้อง มิฉะนั้นจะถูกนับวันเริ่มต้นใหม่ ในวันที่ 12 ของการกักตัว เจ้าหน้าที่มาเก็บตัวอย่างเพื่อนำไปทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นครั้งที่สอง

เมื่อครบ 14 วัน ทุกคนได้รับเอกสารยืนยันว่าไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่เราใช้เพื่อเดินทางต่อมายังกรุงปักกิ่ง  เมื่อกลับถึงปักกิ่งตอนนั้นยังต้องกักตัวที่บ้านตัวเองเป็นเวลา  7 วัน เพราะมาตรการป้องกันโควิด-19 ของปักกิ่งเข้มงวดกว่ามณฑลอื่นๆ หากไม่นับรวมอู่ฮั่น

จากกรณีโควิด-19 ครั้งนี้ ผมรู้สึกภาคภูมิใจ ต่อประเทศตัวเอง จีนสามารถควบคุมได้ในเวลาอันสั้น นับเป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงระบอบสังคม ระบอบการเมืองการปกครองที่มีความได้เปรียบกว่าประเทศตะวันตกหลายประการ เช่น สามารถรวมศูนย์ระดมสรรพกำลังจากทั่วประเทศและจัดสรรโยกย้ายทรัพยากรต่างๆ ภายในประเทศเพื่อทำเรื่องใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว จึงดำเนินการได้อย่างทันท่วงที แน่นอนที่สุดการตัดสินใจของผู้นำสูงสุดมีความสำคัญมาก การให้ความร่วมมือแก่ภาครัฐของประชาชนจีนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จีนต่อสู้กับโควิด-19 ได้ดีกว่าหลายๆประเทศในโลก

Bo/Lu