เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน กับนายเอ็มมานูเอล บอนเน ที่ปรึกษาการทูตของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ร่วมเป็นประธานการเจรจายุทธศาสตร์จีน-ฝรั่งเศสครั้งที่ 20 ทั้งสองฝ่ายกล่าวว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน ที่มีความผันผวน จีนกับฝรั่งเศสต้องแบกรับหน้าที่ของตนใช้ความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความมั่นคง ผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-ฝรั่งเศสในยุคหลังการระบาดของโควิด-19

กลไกการเจรจายุทธศาสตร์ระหว่างจีน-ฝรั่งเศสเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2001 ต่อมาจัดขึ้นปีละครั้ง โดยมนตรีแห่งรัฐของฝ่ายจีนและที่ปรึกษาทางการทูตของประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นผู้ประสานงาน ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งการเจรจายุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับประเทศใหญ่อย่างเป็นระบบ หลังจากการพัฒนามาเป็นเวลา 20 ปี กลไกดังกล่าวได้กลายเป็นเวทีสำคัญในด้านการติดต่อระหว่างผู้นำระดับสูงของสองประเทศและการประสานงานความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย

โดยการเจรจาครั้งนี้เป็นปฏิบัติการของ“การทูตบนคลาวด์” ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้เผยแพร่ข้อมูลสำคัญในเรื่องทิศทางความสัมพันธ์จีน-ฝรั่งเศสและจีน-ยุโรปในขณะนี้

การเจรจาในครั้งนี้เสนอว่า จีนกับฝรั่งเศสต้องผลักดันความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมบนพื้นฐานของการรับรู้ร่วมกัน เช่น เร่งเจรจาข้อตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างจีน-ยุโรป เร่งลงนามข้อตกลงว่าด้วยสัญลักษณ์ทางภูมิศาสตร์จีน-ยุโรป เป็นต้น นอกจากนี้ นายหวัง อี้ยังเน้นว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคตต้องให้ความสำคัญกับภูมิหลังระหว่างประเทศในยุคหลังการระบาดของโควิด-19

ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ใน 2 ประการดังนี้คือ ประการแรก มีความสามัคคีต่อสู้กับไวรัสอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกระชับความร่วมมือการวิจัยโรคระบาดทั้งในด้านควบคุมการระบาด วัคซีนและการผลิตยา ประการที่สอง อำนวยความสะดวกแก่การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดรวมไปถึงการฟื้นฟูการไปมาหาสู่กัน และคุ้มครองห่วงโซ่การผลิตและอุปทานให้มีความมั่นคง เป็นต้น

(Bo/Cui/Zhou)