หลายวันมานี้ ข่าวที่รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาห้ามสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและครอบครัวเดินทางเข้าสหรัฐฯ นั้น ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งภายในสหรัฐฯ และสื่อมวลชนระหว่างประเทศ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การยั่วยุจากนักการเมืองสหรัฐฯ ขัดต่อความปรารถนาของประชาชนจีนและสหรัฐฯ อีกทั้งยังขัดต่อกระแสการพัฒนาของโลกด้วย ทั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า ลัทธิแม็คคาร์ธีมีแนวโน้มฟื้นตัวนับวันยิ่งชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนต่อทั่วโลก
กลางศตวรรษที่ 20 ภายใต้การปลุกระดมของนักการเมืองสหรัฐฯ เช่น วุฒิสมาชิก โจเซฟ แม็คคาร์ธี สหรัฐฯ เกิดกระแสแนวคิดฝ่ายขวาต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างสุดขั้ว โดยจับกุมเจ้าหน้าที่บางคนในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เคยทำงานที่ฐานพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงทำลายบุคคลฝ่ายซ้ายและบุคคลเชื้อสายจีนหลากหลาย ช่วงนั้น สหรัฐฯ เข้าสู่ยุคมืดที่มีการปกครองอย่างสุดขั้วราว 5 ปี จนกระทั่งปลายปี ค.ศ. 1954 วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านมติประณามนายโจเซฟ แม็คคาร์ธี จึงถือเป็นการปราบปรามลัทธิแม็คคาร์ธีให้หมดสิ้นไป
นักสังเกตุการณ์ตะวันตกหลายคนชี้ว่า ยุทธศาสตร์การยับยั้งจีนของนักการเมืองสหรัฐฯ ยกระดับขึ้นในทุกด้าน ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นว่า ลัทธิอำนาจนิยมและแนวคิดสงครามเย็นฝังรากลึกในใจพวกเขา หากยังสะท้อนให้เห็นว่า พวกเขามีความกังวลและขาดความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
บรรยากาศเช่นนี้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ อย่างรุนแรง เป็นที่ทราบกันดีว่าการไปมาหาสู่ระหว่างประเทศนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน สภาพความเป็นจริงสำคัญที่สุดคือจีนนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทั้งนี้ เป็นความรู้ทั่วไปทางการเมืองที่สหรัฐฯ ทราบตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนตั้งแต่แรกแล้ว
Tim/Ldan/Zhou