วันที่ 24 กรกฎาคม กระทรวงการต่างประเทศจีน แจ้งสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีนว่า จีนตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตดำเนินการสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำเมืองเฉิงตู โดยมีรายละเอียดระบุให้สถานกงสุลยุติกิจกรรมในจีนทั้งหมด ทั้งนี้ เป็นมาตรการตอบโต้ทำนองเดียวกันของจีนหลังจากที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลใหญ่จีนประจำเมืองฮูสตัน มาตรการนี้ไม่ได้เจาะจงต่อประชาชนสหรัฐฯ แต่เป็นการตอบโต้อิทธิพลต่อต้านจีนจำนวนหนึ่งในสหรัฐฯ ที่ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นตัวประกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น สะท้อนถึงความแน่วแน่ของจีนในการปกป้องอำนาจ ประโยชน์ และเกียรติของตนเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เที่ยงธรรม จำเป็น และถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางการทูต
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักการเมืองจำนวนหนึ่งของสหรัฐฯ พยายามหาทางเบี่ยงเบนข้อขัดแย้งในประเทศ อีกทั้งยังเข้าใกล้การเลือกตั้งทั่วไป จึงท้าทายและโจมตีจีนอย่างบ้าคลั่งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การทูต การทหาร ตลอดจนคตินิยม เป็นต้น
เมื่อไม่นานมานี้ สหรัฐฯ ใช้ข้ออ้าง “การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน” สั่งให้จีนปิดสถานกงสุลใหญ่ประจำเมืองฮูสตันภายใน 3 วัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อต้านจีนของสหรัฐฯ การกระทำนี้ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ หลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องของสนธิสัญญาด้านกงสุลระหว่างจีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการท้าทายทางการเมืองที่เลวร้ายอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ใส่ร้ายจีนว่าเป็นต้นกำเนิดของโควิด-19 เหตุการณ์คราวนี้ นักการเมืองสหรัฐฯ ไม่สามารถแสดงหลักฐานที่ใช้เป็นข้ออ้างในการสั่งปิดสถานกงสุลจีนประจำฮูสตัน จึงถูกประชาคมโลกประณามอย่างมาก
(Tim/Lin/Zhou)