เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานการป้องกันควบคุมโควิด-19 ของปักกิ่ง ประกาศหนังสือเวียนว่าด้วยกำหนดการเปิดเรียนตามปกติของโรงเรียนมัธยม ประถมและอนุบาล ตลอดจนกำหนดการให้สถาบันการเรียนการสอนนอกระบบฟื้นฟูการบริการ หมายความว่า เมื่อจีนได้ต่อสู้กับโควิด-19 เป็นเวลากว่า 200 วัน สถานการณ์การแพร่ระบาดถึงขั้นควบคุมได้ดี และสามารถเปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยได้แล้ว
แต่การเปิดโรงเรียนครั้งนี้ไม่ได้เปิดพร้อมกันในวันเดียวกัน โดยจะเริ่มจากระดับอุดมศึกษา มัธยม และประถมตามลำดับ สำหรับโรงเรียนมัธยม จะเปิดมัธยมปีที่ 3 และปีที่ 6 ก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะว่า นักเรียนมัธยมปีที่ 3 และปีที่ 6 จะต้องเตรียมสอบมัธยมตอนปลาย และมหาวิทยาลัย
หนังสือเวียนยังมีเนื้อหากำหนดว่า ให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในปักกิ่ง สามารถกลับมารายงานตัวได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ส่วนโรงเรียนมัธยมและโรงเรียนประถมจะทยอยกันเปิดเทอมตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม และโรงเรียนอนุบาลจะเปิดเทอมตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนนี้ และตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม สถาบันการเรียนการสอนนอกระบบสามารถยื่นขออนุมัติเปิดให้บริการ และเมื่อได้รับการอนุมัติแล้วก็สามารถให้บริการการเรียนการสอนอีกครั้งได้
หนังสือเวียนยังได้กำหนดเงื่อนไขชัดเจนสำหรับครูและนักเรียนนักศึกษาว่า ต้องรายงานตัวด้วยโค้ดสุขภาพ(Health Code) และผลการตรวจกรดนิวคลิอิก คือ สำหรับครูและนักเรียนนักศึกษาที่มาจากเขตพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ ให้รายงานตัวด้วยโค้ดสุขภาพได้ แต่สำหรับครูและนักเรียนนักศึกษาที่มาจากเขตพื้นที่ความเสี่ยงกลาง ต้องเพิ่มการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน พร้อมแสดงโค้ดสุขภาพและหนังสือยืนยันการตรวจกรดนิวคลิอิกภายใน 7 วัน สำหรับครูและนักเรียนนักศึกษาที่มาจากเขตความเสี่ยงสูง ยังไม่ให้กลับเข้าโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ ครูและนักเรียนนักศึกษาที่มีอาการไข้ ไอ และท้องเสีย ก็ยังไม่ให้กลับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ต้องรอให้อาการหาย และได้รับการอนุมัติก่อนจึงกลับได้
เมื่อครูและนักเรียนนักศึกษากลับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแล้ว จะป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไร เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญอย่างสูง กรุงปักกิ่งกำหนดว่า เนื่องจากนักเรียนนักศึกษาต้องเข้าเรียนและอยู่หอพักร่วมกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้มาตรการป้องกันควบคุมที่เข้มงวดกว่ากลุ่มคนในสังคมกลุ่มอื่น ๆ
นอกจากนี้ ปักกิ่งเคยเกิดการระบาดรอบใหม่ ดังนั้น การป้องกันควบคุมโควิด-19 ต้องใช้มาตรการที่สูงต่อไป และปักกิ่งใกล้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จะเป็นหวัดง่าย การใส่หน้ากากจึงช่วยป้องกันไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ด้วย เพราะฉะนั้น จึงกำหนดให้ครู นักเรียนและนักศึกษาต้องใส่หน้ากากระหว่างอยู่ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย
แต่ไม่ได้หมายถึงต้องใส่หน้ากากทั้งวัน เช่น เมื่อออกกำลังกายนอกห้องเรียน และไม่ชุมนุมกันก็ไม่ต้องใส่หน้ากาก และจะจัดเวลาให้นักเรียนนักศึกษาออกกำลังกายนอกห้องเรียนมากขึ้น สำหรับเด็กอนุบาลซึ่งมีอายุน้อย เมื่อเข้าโรงเรียนแล้วไม่ต้องใส่หน้ากาก แต่ให้ครูโรงเรียนอนุบาลต้องใส่หน้ากาก
สำหรับการสอบในช่วงแรกของการเปิดเทอม ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติของโรงเรียนต่าง ๆ ของจีนนั้น อธิการบดีโรงเรียนต่างๆ ส่วนใหญ่ให้คำตอบว่า จะไม่รีบจัดการสอบ เพราะช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้แตกต่างจากปีก่อนๆ เพราะครูอาจารย์ติดต่อกับนักเรียนนักศึกษาอย่างใกล้ชิด ผ่านแอพพลิเคชั่นสนทนา เพื่อตอบคำถามของนักเรียน ครูจึงรับรู้สภาพการเรียนของนักเรียนในระดับหนึ่งแล้ว
ดังนั้น เมื่อเปิดเทอมแล้ว ครูยังสามารถทบทวนความรู้วิชาต่าง ๆ ให้นักเรียนผ่านออนไลน์ต่อได้ จากนั้นค่อยจัดการสอบอีกที ซึ่งช่วงแรกเปิดเทอม ภารกิจสำคัญที่สุดคือ ช่วยให้นักเรียนนักศึกษาฟื้นฟูสภาวะการเรียนการสอนที่เป็นปกติ
(Yim/cici)