เมื่อเร็วๆ นี้ ในที่ประชุมอภิปรายโดยทั่วไปของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งที่ 75 ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวคำปราศรัยผ่านวิดีทัศน์ทางไกลที่เต็มไปด้วยหยิ่งผยอง อคติและหลอกลวง อาจเพราะถือว่ามีกองทัพที่แข็งแรงที่สุดในโลก ผู้นำสหรัฐฯจึงประชาสัมพันธ์ลัทธิเอกภาคีนิยมที่ไม่เข้ากับบรรยากาศของการประชุม อวดอ้างว่าสหรัฐฯปฏิบัติตาม "ภารกิจของผู้สร้างสันติ" นอกจากนี้ เขายังพูดคุยโดยไม่สนใจความคิดเห็นของประเทศอื่นๆ เกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน การต่อต้านการก่อการร้าย และการแบ่งปันค่าใช้จ่ายทางทหารของนาโตซึ่งเต็มไปด้วยช่องโหว่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวและการครอบงำที่ว่า "อเมริกาต้องมาก่อน" ในทุกหนทุกแห่ง ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวางของประชาคมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ สหรัฐฯได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงว่าด้วยนิวเคลียร์อิหร่านโดยลำพังฝ่ายเดียวเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 จึงได้สูญเสียสิทธิที่เข้าร่วมด้วย แต่การกำหนดกลไกฟื้นฟูการคว่ำบาตรโดยเร็วก็ได้รับการคัดค้านจากสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่วนใหญ่ เห็นว่าการบังคับสหประชาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะประสบความล้มเหลว รัฐบาลสหรัฐฯจึงประกาศการคว่ำบาตรโดยลำพังฝ่ายเดียว ซึ่งยืนอยู่คนละฟากของโลกอีกครั้ง เผยให้เห็นถึงโฉมหน้าแท้จริงที่เป็นผู้ทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
คำปราศรัยครั้งนี้ของผู้นำสหรัฐฯแสดงให้ทั่วโลกเห็นอย่างชัดแจ้งว่า แนวคิดหลักในการบริหารประเทศที่ว่า "อเมริกาต้องมาก่อน" แท้ที่จริงแล้วก็คือแนวคิดของลัทธิเอกภาคีนิยมและครองความเป็นใหญ่ และทำให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า นักการเมืองบางคนของสหรัฐฯ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ใช้ความพยายามเพื่อเปลี่ยน "อเมริกาต้องมาก่อน" ให้เป็น "การคุกคามจากสหรัฐฯ" ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นระบบระเบียบระหว่างประเทศ และคุกคามสันติภาพของโลก ภายใต้ภูมิหลังนี้ การประชุมฯจึงเรียกร้องให้ประชาคมโลกกล่าวย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในแนวคิดพหุภาคีนิยม อันจะเป็นแรงต้านสำคัญต่อลัทธิเอกภาคีนิยม ซึ่งเรื่องตลกทางการเมืองที่ถือหลัก "อเมริกาต้องมาก่อน" และลัทธิครองความเป็นใหญ่ควรต้องยุติลง
yim/kt/zdan