ทิวทัศน์ในเขตเมืองเซินเจิ้น ถ่ายภาพจากโดรน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2020
หลังดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ จีนได้ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น จูไห่ ซ่านโถวหรือซัวเถา เซี่ยเหมินหรือเอ้หมึง และไห่หนานหรือไหหลำ รวม 5 แห่งตามลำดับ จนประสบความสำเร็จเป็นที่จับตามองทั่วโลก นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศ ครั้งที่ 18 เป็นต้นมา ภายใต้การนำอันทรงพลังของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นแกนกลาง การปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนด้านเขตเศรษฐกิจมีการพัฒนาใหม่แบบก้าวกระโดด สะท้อนให้เห็นอย่างลึกซึ้งว่า การปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นมาตรการสำคัญที่สุดในการกำหนดอนาคตของจีนในยุคปัจจุบัน
ก้อนหินเฉียนไห่สือ เมืองเซินเจิ้น บันทึกภาพเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2020
ที่อุทยานเฉียนไห่สือ เมืองเซินเจิ้น มีหินก้อนใหญ่ตั้งตระหง่านรูปทรงเหมือน “เรือกางใบออกเดินทาง” และมีอักษรใหญ่สองตัว “เฉียนไห่” สลักบนหินก้อนหินนี้
“เหตุที่การลงพื้นที่ดูงานครั้งนี้ต้องมาที่มณฑลกว่างตงก็เพราะว่า อยากมาที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนและทบทวนกระบวนการทางประวัติศาสตร์แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปและเปิดประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป”
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2012 นายสี จิ้นผิง เดินทางไปที่เขตเฉียนไห่ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่าริมชายหาดในเมืองเซินเจิ้น ถือเป็นการลงพื้นที่ตรวจงานครั้งแรกของนายสี จิ้นผิง หลังเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ข้าง ๆ ก้อนหินเฉียงไหสือ นายสี จิ้นผิง ออกคำสั่งให้ดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศบนจุดเริ่มต้นใหม่ พร้อมฝากกำชับอย่างสุดซึ้งไว้กับเฉียนไห่ว่า “ต้องดำเนินการพัฒนาอย่างละเอียดประณีต เปลี่ยนโฉมหน้าทุก ๆ ปี เริ่มต้นใหม่บนกระดาษเปล่าจากศูนย์ ต้องวาดภาพที่สวยและดีที่สุดออกมาให้ได้”
ทิวทัศน์เขตเฉียนไห่ เมืองเซินเจิ้น บันทึกภาพเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2020
วันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ในโอกาสการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนครบรอบ 40 ปี นายสี จิ้นผิง เดินทางไปที่เขตเฉียนไห่อีกครั้ง พื้นที่ว่างเปล่าในอดีตเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มีอาคารสูงเสียดฟ้ามากกว่า 200 แห่ง
นายสี จิ้นผิง พูดคุยกับตัวแทนผู้ร่วมพัฒนาพื้นที่เฉียนไห่และสักขีพยานความเปลี่ยนแปลงของเฉียนไห่ โดยชี้ว่า ภาคปฏิบัติพิสูจน์ให้เห็นว่า หนทางแห่งการพัฒนามาถูกทางแล้ว จำต้องยืนหยัดดำเนินงานต่อไปอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ ครั้งที่ 18 เป็นต้นมา นายสี จิ้นผิง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเขตเศรษฐกิจพิเศษหลายครั้ง เช่น เซี่ยเหมิน 1 ครั้ง ซัวเถา 1 ครั้ง จูไห่ 2 ครั้ง เซินเจิ้น 3 ครั้ง และไห่หนาน 3 ครั้ง เขาเอาใจใส่สภาพการปฏิรูปและเปิดประเทศของเขตเศรษฐกิจพิเศษมาโดยตลอด เคยเรียกประชุมกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน จัดการประชุมคณะกรรมการลงลึกการปฏิรูปอย่างรอบด้าน แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการประชุมอื่น ๆ เพื่อศึกษาวิจัยและวางยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาที่สำคัญ พร้อมออกคำสั่งหรือให้คำชี้แนะหลายต่อหลายครั้งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นอกจากนี้ ยังชี้นำทิศทางการปฏิรูปและเปิดประเทศแก่เขตเศรษฐกิจพิเศษจากระดับสูงทางยุทธศาสตร์และสถานการณ์โดยรวม บุกเบิกสถานการณ์ใหม่แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศอย่างลึกซึ้งและรอบด้านของจีน ทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษได้รับการพัฒนาใหม่อย่างก้าวกระโดด
เขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนก้าวหน้าไปบนจุดเริ่มต้นใหม่ตามลำดับ
วันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2015 เขตทดลองการค้าเสรีกว่างตงและฝูเจี้ยนก่อตั้งขึ้นในวันเดียวกัน
วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 ที่ฮ่องกง นายสี จิ้นผิง เป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม “กรอบข้อตกลงว่าด้วยการลงลึกความร่วมมือระหว่างกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า ขับเคลื่อนการสร้างสรรค์เขตอ่าวใหญ่” ระหว่างคณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีนกับรัฐบาลมณฑลกว่างตง เขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากแห่งการสร้างเขตอ่าวใหญ่และกลุ่มเมืองระดับโลกในภูมิภาค
วันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2018 ที่มณฑลไห่หนาน นายสี จิ้นผิง เข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 30 ปี แห่งการก่อตั้งมณฑลและเขตเศรษฐกิจพิเศษไห่หนานพร้อมกล่าวปราศรัยสำคัญ ซึ่งกำหนดยุทธศาสตร์และภาระหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษไห่หนาน รวมถึงประกาศสนับสนุนไห่หนานสร้างเขตทดลองการค้าเสรีในขอบเขตทั่วทั้งเกาะ
วันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 ที่ทำเนียบจงหนานไห่ในกรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการลงลึกการปฏิรูปอย่างรอบด้าน คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 9 พิจารณาและอนุมัติ “ความเห็นของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์และคณะรัฐมนตรีจีนเกี่ยวกับการสนับสนุนเมืองเซินเจิ้นสร้างเขตสาธิตนำร่องแห่งสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีน” อันเป็นการมอบภาระหน้าที่ระดับชาติที่สูงยิ่งกว่าเดิมแก่เมืองเซินเจิ้น
บนจุดเริ่มต้นใหม่ที่มีระดับสูงยิ่งขึ้น นายสี จิ้นผิง วางกลยุทธ์และแผนงาน พร้อมขับเคลื่อนการสร้างสรรค์เขตอ่าวใหญ่กว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า เขตสาธิตนำร่องแห่งสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์จีนแห่งเมืองเซินเจิ้นและเมืองท่าการค้าเสรีไห่หนานด้วยตนเอง
ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวม ของสามเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ประกอบด้วยเมืองเซินเจิ้น จูไห่ และซัวเถา ในผลิตภัณฑ์มวลรวมของมณฑลกว่างตง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.4 เป็นร้อยละ 30.7 สำหรับเมืองเซี่ยเหมิน ผลิตภัณฑ์มวลรวมในปี 2019 มีถึงราว 6 แสนล้านหยวน มากกว่าเมื่อ 40 ปีก่อนเกือบ 1,000 เท่า ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนเกิน 20,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2020 จีนประกาศ “แผนแม่บทว่าด้วยการสร้างเมืองท่าการค้าเสรีไห่หนาน” นับเป็นการเปิดฉากกระบวนการสร้างเมืองท่าการค้าเสรีที่มีเอกลักษณ์ของจีนอย่างเป็นทางการ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ไห่หนานมีวิสาหกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีวิสาหกิจทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 78 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วงราว 100 วันตั้งแต่ประกาศใช้นโยบายใหม่ด้านสินค้าปลอดภาษี ไห่หนานจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีเฉลี่ยต่อวันมากถึงราว 100 ล้านหยวน ไห่หนานทุกวันนี้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและกำลังเป็นจุดหมายปลายทางของทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศมากขึ้น
14,000 เท่า นี่คืออัตราการเติบโตอันน่าทึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาของผลิตภัณฑ์มวลรวมของเมืองเซินเจิ้น จากไม่ถึง 200 ล้านหยวน ในปี 1979 เพิ่มขึ้นเป็น 2.69 ล้านล้านหยวนในปี 2019 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึงร้อยละ 21.6
นิตยสาร The Economist ของอังกฤษ เคยแสดงความชื่นชมว่า “ทั่วโลกมีเขตเศรษฐกิจพิเศษมากกว่า 4,000 แห่ง แต่แบบฉบับแห่งความสำเร็จมากที่สุดควรยกให้ปาฏิหาริย์เมืองเซินเจิ้น”
ทุกวันนี้ การยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัทในเมืองเซินเจิ้นใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที ในอดีตเคยมี “การสร้างตึก 1 ชั้นภายใน 3 วัน” ซึ่งถูกเรียกว่า “ความเร็วแห่งเซินเจิ้น” ปัจจุบัน มีการ “คิดค้นสร้างระบบใหม่ภายใน 3 วัน” ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ประสิทธิภาพใหม่แห่งเซินเจิ้น” จากเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของจีนมาสู่ “เขตสาธิตนำร่องแห่งสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีน” แห่งแรก เมืองเซินเจิ้นกำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่ ก้าวหน้าไปบนหนทางการสร้างแบบฉบับแห่งเมืองทันสมัยระดับโลก
อย่างไรก็ตาม บนพื้นที่ไม่ถึง 2,000 ตารางกิโลเมตร ที่มีประชากรกว่า 20 ล้านคน เมืองเซินเจิ้นซึ่งถูกคาดหวังอย่างสูงจากรัฐบาลกลางและประชาชนทั่วประเทศ จะสามารถบรรลุการรวมตัวและไหลเวียนของทรัพยากรสำคัญต่าง ๆ ตลอดจนก้าวไปบนหนทางแห่งการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงได้ในอนาคตหรือไม่นั้น เป็นการทดสอบที่เขตสาธิตนำร่องแห่งนี้จำต้องค้นหาคำตอบให้ได้ ทั้งนี้ จะเป็นการสั่งสมประสบการณ์อันทรงคุณค่าและสามารถเลียนแบบได้อย่างแพร่หลายแก่เมืองใหญ่พิเศษด้านการแก้ไข “ปัญหาคอขวดแห่งการพัฒนา”
สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า บันทึกภาพจากโดรน เมื่อวันที่ กรกฎาคม 2018
TIM/LU