หลังจากผ่านการเจรจาอย่างเป็นทางการจำนวน 28 รอบในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ได้มีพิธีลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ผ่านระบบทางไกลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เขตการค้าเสรีที่มีประชากรมากที่สุด โครงสร้างสมาชิกที่หลากหลายที่สุด และมีศักยภาพการพัฒนาที่สูงที่สุดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
การลงนามข้อตกลงในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นการเพิ่มพลังขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิค-19 อีกด้วย นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาในการสนับสนุนกลไกพหุภาคีและการค้าเสรีของประเทศในภูมิภาค ซึ่งพิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นว่า ความร่วมมือแบบเปิดเป็นวิธีที่ถูกต้องในการบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันและมีชัยชนะร่วมกัน
ผลกระทบจากระบบเอกภาคีและนโยบายกีดกันทางการค้าของนักการเมืองสหรัฐฯ บวกกับการระบาดของโควิค-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การลงนามในข้อตกลง RCEP ทำให้ตลาดในเอเชียตะวันออกมีพลังทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก กลายเป็น"แรงต้าน" สำคัญต่อสู้กับนโยบายกีดกันทางการค้า เพิ่มความมั่นใจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกและเสริมสร้างความเชื่อมั่นกับกลไกพหุภาคีเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันการลงนามข้อตกลงฯ จะแสดงความได้เปรียบของแต่ละประเทศสมาชิก แสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจและศักยภาพในการเติบโตของเอเชียตะวันออก เพิ่มพลังขับเคลื่อนใหม่ในการส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค สำหรับจีนการลงนามข้อตกลงฯ ได้บรรลุซึ่งคำมั่นสัญญาที่จะเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของจีน การลงนามข้อตกลง RCEP เป็นโอกาสที่จีนจะแสดงความได้เปรียบด้านตลาดที่มีกำลังซื้อมหาศาล และศักยภาพความต้องการภายในประเทศ ส่งเสริมการเปิดประเทศในระดับสูง และแบ่งปันรายได้จากการพัฒนาให้กับทั่วโลกมากขึ้น
แม้จะประสบกับปัญหาที่หลากหลาย แต่กระแสโลกาภิวัตน์ได้พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ โลกก็คือเราทุกคน การลงนามในข้อตกลง RCEP ที่ประสบความสำเร็จเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่า สิ่งที่เรียกว่า "การแยกตัวของเศรษฐกิจและการค้า" นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง กลไกพหุภาคีการค้าเสรีเป็นวิธีที่ถูกต้องในโลกปัจจุบัน
Bo/kt/cui