วันที่ 30 ธันวาคม นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พร้อมด้วยนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี นายเอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป และนางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จัดการพบเจรจาผ่านทางวีดิทัศน์ ผู้นำจีน-ยุโรปร่วมกันประกาศเสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการลงทุนจีน-ยุโรป (China-EU investment agreement) ตามกำหนด
ภายหลังจัดการเจรจา 35 รอบ ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา จีน-ยุโรปประสบความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงสำคัญฉบับนี้ก่อนสิ้นปีตามกำหนด แม้เนื้อหาสมบูรณ์ของข้อตกลงฉบับนี้ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา แต่พิจารณาจากเวลาเจรจาอันยาวนานแล้วจึงสรุปได้ว่า ย่อมเป็นข้อตกลงการลงทุนทวิภาคีระดับสูง การที่จีนอนุญาตให้ธุรกิจการเงิน พลังงาน การสื่อสาร และรถยนต์พลังงาน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เปิดสู่ภายนอกในระดับเท่าใดนั้นเป็นที่จับตามองและปรารถนาของทุกฝ่าย
นาย Joerg Wuttke ประธานหอการค้าสหภาพยุโรปของจีน กล่าวขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเยอรมนีว่า เขาเชื่อว่าข้อตกลงฉบับนี้จะทำให้ทวีปยุโรปได้รับประโยชน์มาก มีส่วนช่วยสร้างตำแหน่งงานมากขึ้นภายในประเทศยุโรป เดือนตุลาคม 2020 อัตราว่างงานใน 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและเขตยูโรโซนคิดเป็น 7.6% และ 8.4% ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปละเขตยูโรโซน จะหดตัวลง 7.4% และ 7.8% ตามลำดับ การลงนามข้อตกลงการลงทุนกับจีนซึ่งเป็นตลาดกว้างใหญ่ที่มีประชากร 1,400 ล้านคนนั้น จะมีความหมายอย่างไรต่อเศรษฐกิจสหภาพยุโรปที่ประสบผลกระทบทับซ้อนทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และลัทธิกีดกันทางการค้า ไม่ต้องอธิบายเลย
หนังสือพิมพ์ The Guardian ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า ข้อตกลงฉบับนี้ทำให้ระดับการพึ่งพาอาศัยระหว่างจีนกับยุโรป 2 ประชาคมเศรษฐกิจใหญ่เพิ่มสูงขึ้น การที่จีนและยุโรปเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุน เป็นสัญลักษ์แสดงให้เห็นว่า ประเทศเข้มแข็งทางเศรษฐกิจเก่ากับประชาคมเศรษฐกิจเจริญใหม่สามารถจับมือกอบกู้และผลักดันการพัฒนาโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์เศรษฐกิจโลกแบบเปิดกว้าง
TIM/LF/ZI