“คนยังอยู่ บัญชีหายไป” เป็นเรื่องน่าอายสำหรับผู้นำสหรัฐฯ ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ถูกแบนจากโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ ด้วยข้อหา "ยุยงให้เกิดความรุนแรง" แต่สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งส่งเสริม "เสรีภาพในการพูด" มาโดยตลอด ประธานาธิบดีสูญเสียสิทธิในการพูดคุยอย่างเสรีบนโซเชียลมีเดีย เป็นการประชด "เสรีภาพในการพูด" ของชาวอเมริกันอย่างมาก
สี่ปีที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ พูดล้ำเส้นมากเกินไปบนโซเชียลมีเดีย หนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า จากวันเข้ารับตำแหน่ง จนถึงเดือนพฤษภาคม 2020 ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ "ข้อมูลเท็จหรือสิ่งที่ทำให้เข้าใจผิด" มากกว่า 18,000 ข้อความบนโซเชียลมีเดีย เผชิญหน้าการประท้วงและเหตุจลาจลที่เกิดจากการสังหารฟรอยด์ชายชาวแอฟริกัน โดยตำรวจผิวขาว และผลการเลือกตั้งที่ไม่เป็นที่ต้องการ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์คำพูดปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง ทำไมสื่อสังคมอเมริกันไม่ใช้มาตรการใด ๆ ? จนกระทั่งหลังเกิดความรุนแรงขึ้นที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โซเชียลมีเดียเหล่านี้จึงดูเหมือนถูก "ปลุก"
การแบนบัญชีผู้นำอเมริกันในขณะนี้เป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมายโซเชียลมีเดียเพื่อหยุดการใช้ความรุนแรง แต่ในความเป็นจริงกลับมีความเห็นแก่ตัวทางการเมืองอยู่มากมาย
ไม่ถึงสิบวันก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันจะหมดวาระการทำงาน เขาใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภาเป็นเชื้อเพลิง การชำระบัญชีทางการเมืองของเขาและผู้สนับสนุนได้เริ่มขึ้นแล้ว ในบรรยากาศทางการเมืองเช่นนี้ โซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ แบนเขา ถือเป็นการแสดงความถูกต้องทางการเมือง หากยังมีการพิจารณาแยกตัวเองออกจากเหตุการณ์รุนแรงและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า แบนหรือไม่แบน ท้ายที่สุด คือ การเก็งกำไรทางการเมือง
สิ่งที่เรียกว่า "เสรีภาพในการพูด" แบบอเมริกัน เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของผู้มีอำนาจ ในการปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยภายในและการโจมตีฝ่ายตรงข้ามจากภายนอก
Tim/Patt/Cui