วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จีนเริ่มบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับการซื้อขายสิทธิ์ในการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นี่ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในการขับเคลื่อนการสร้างตลาดซื้อขายสิทธิ์ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในทั่วประเทศจีน
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2020 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนประกาศอย่างหนักแน่นในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 75 ว่า จีนจะดำเนินนโยบายและใช้มาตรการที่ทรงพลังมากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดภายใน ค.ศ. 2030 และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Nuetral)” ภายใน ค.ศ. 2060
ปัจจุบัน จีนในฐานะเขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับสอง และเป็นประเทศลงทุนมากที่สุดด้านพลังงานหมุนเวียนกำลังพยายามรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์
คำมั่นสัญญาของจีนที่จะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์นั้น ไม่เพียงแต่มีส่วนช่วยต่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูง หากยังมีบทบาทสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศด้วย
ปัจจุบัน ประเทศพัฒนาส่วนใหญ่ได้เลิกการเชื่อมโยงการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์กับการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่จีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาใหญ่สุดในโลกยังคงมีปัญหาการพัฒนาไม่สมดุล และไม่เต็มที่อย่างโดดเด่นมาก ด้วยเหตุนี้ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในจีนจึงยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น และทำให้จีนต้องเผชิญกับความยากลำบาก และความท้าทายในการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กับการพัฒนาเศรษฐกิจ และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เช่น ความเป็นกลางทางคาร์บอนต้องการให้การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมเปลี่ยนเป็นรูปแบบสีเขียว และคาร์บอนต่ำ ลดการใช้ถ่านหินให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ปัจจุบัน ถ่านหินยังคงเป็นพลังงานหลักของจีน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ดังกล่าวจะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบเก่าของจีนต้องเผชิญกับความท้าทายจำนวนมากก็ตาม แต่จีนมีความมั่นใจว่า จะสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเวลากำหนด
ขณะนี้ จีนกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานหมุนเวียน เครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และรถยนต์พลังงานใหม่ จีนยังประกาศว่า ถึง ค.ศ. 2030 การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีจะปรับลด 60%-65% เมื่อเทียบกับ ค.ศ. 2005
นอกจากนี้ จีนกำลังร่างแผนปฏิบัติการ เพื่อบรรลุเป้าหมายแตะเพดานการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ภายใน ค.ศ. 2030 และจะสนับสนุนพื้นที่มีความพร้อมให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวก่อนเวลากำหนด กล่าวได้ว่า จีนกำลังเร่งผลักดันการพัฒนาที่มีคุณภาพในระดับสูง พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับประเทศจีน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่เป็นประเด็นทางการเมืองสำคัญที่เกี่ยวพันถึงภารกิจ และเป้าประสงค์ในการบริหารประเทศของรัฐบาลเท่านั้น หากยังเป็นประเด็นสำคัญทางสังคมที่เกี่ยวพันถึงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย รัฐบาลจีนจึงให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างมากมาโดยตลอด โดยได้กำหนดการประหยัดทรัพยากรและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นนโยบายพื้นฐานของประเทศ และถือการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ
ช่วงปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมระยะ 5 ฉบับที่ 14 จีนจะใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการควบคุมการใช้ถ่านหิน ขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพิ่มขีดความสามารถในการดูดซับพลังงานหมุนเวียน เช่น โฟโตวอลเทอิกส์ (PV: Photovoltaic) และพลังงานลม ทุ่มเทกำลังในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ช่วง 5 ปีข้างหน้า จีนยังจะใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการใช้ถ่านหิน เพื่อบรรลุเป้าหมายอัตราเติบโตในการใช้ถ่านหินเป็นศูนย์
ช่วงหลายปีข้างหน้า การสิ้นเปลืองพลังงาน และการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรม การคมนาคม และการก่อสร้างจะลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง ความเป็นกลางทางคาร์บอนจะกลายเป็นวิถีชีวิตและวิถีการผลิตในจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำคัญต่อการบริหารจัดการสภาพอากาศทั่วโลก
(yim/cai)