‘สี จิ้นผิง’: จีนยืนหยัดต่อต้านการทุจริตตลอดไป

2021-02-10 09:12:49 | CMG
Share with:

‘สี จิ้นผิง’: จีนยืนหยัดต่อต้านการทุจริตตลอดไป_fororder_习近平

วันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2021 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดี และประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลางจีน กล่าวปราศรัยสำคัญในที่ประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 19

นายสี จิ้นผิง ได้แสดงความชื่นชมต่อผลสำเร็จสำคัญในด้านการกวดขันการบริหารพรรคฯ อย่างทั่วด้านในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งอรรถาธิบายอย่างลึกซึ้งถึงสถานการณ์และภารกิจใหม่ด้านการกวดขันการบริหารพรรคฯ อย่างทั่วด้าน เขากล่าวเน้นว่า จีนจะขับเคลื่อนการสร้างสรรค์การปกครองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ท่วงทำนองพรรคฯ และขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตอย่างไม่หยุดยั้งแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ประกันให้ภารกิจและเป้าหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ได้รับการปฏิบัติและบรรลุผลด้วยการตรวจตราทางการเมืองที่ทรงพลัง

นายสี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า การกวดขันการบริการพรรคฯ อย่างทั่วด้านในลำดับแรกต้องมองจากด้านการเมือง ยกระดับขีดความสามารถด้านการพิจารณาตัดสินทางการเมือง ขีดความสามารถด้านการทำความเข้าใจทางการเมืองและขีดความสามารถด้านการปฏิบัติทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนพรรคฯ ทั่วประเทศ ครั้งที่ 18 เป็นต้นมา แม้ว่าการสร้างสรรค์ท่วงทำนองพรรคฯ การปกครองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และการต่อต้านการทุจริตจะมีผลสำเร็จเชิงประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่สถานการณ์ยังคงหนักหน่วงและสลับซับซ้อน จำต้องตระหนักด้วยความตื่นตัวว่า การทุจริตซึ่งเป็นความเสี่ยงใหญ่สุดต่อการปกครองประเทศของพรรคฯ ยังคงดำรงอยู่ ปัญหาคอร์รัปชันคั่งค้างสะสางไม่หมด ขณะเดียวกันก็ยังมีปัญหาการทุจริตใหม่เกิดขึ้น ปัญหาทางการเมืองกับปัญหาทางเศรษฐกิจเกี่ยวพันกัน เป็นภัยคุกคามความปลอดภัยทางการเมืองของพรรคฯ และประเทศชาติ การทุจริตแบบดั้งเดิมกับการทุจริตรูปแบบใหม่เกี่ยวพันกัน พฤติกรรมการทุจริตมีความซ่อนเร้นและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ปัญหาการคอร์รัปชันกับท่วงทำนองอันมิชอบเกี่ยวพันกัน “ท่วงทำนอง 4 ประการ” (รูปแบบนิยม ลัทธิเจ้าขุนมูลนาย สุขารมณ์นิยม และความสุรุ่ยสุร่าย) กลายเป็นบ่อเกิดแห่งการทุจริต การคอร์รัปชันกับการต่อต้านการทุจริตจะดำรงอยู่ในระยะยาว เผลอเพียงนิดเดียวก็อาจจะทำให้ความสำเร็จที่เคยได้รับสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง การต่อต้านการทุจริตไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องขับเคลื่อนแม้จะประสบความยากลำบากก็ตาม

นายสี จิ้นผิง กล่าวชี้ว่า การสร้างสรรค์ท่วงทำนองพรรคฯ และการปกครองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นเป็นสิ่งที่จำต้องดำเนินไปตลอดเวลา พรรคคอมมิวนิสต์จีนในฐานะพรรคการเมืองใหญ่ที่มีอายุ 100 ปี ต้องคงไว้ซึ่งความก้าวหน้า ความสะอาดบริสุทธิ์ และความมีชีวิตชีวาอย่างถาวร จำต้องขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ท่วงทำนองพรรคฯ และการต่อต้านการทุจริตอย่างไม่หยุดพักแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ โดยเฉพาะสหายที่เป็นผู้รับชอบสำคัญจำต้องแบกรับพันธกิจทางการเมืองด้านการบริหารพรรคฯ อย่างจริงจัง รักษาไว้ซึ่งความตื่นตัวในการ “คอยรับการทดสอบ” ตลอดเวลา คงไว้ซึ่งความระมัดระวังต่อ “การกัดกร่อน” และ “การล้อมล่า” ยืนหยัดการกวดขันอย่างเข้มงวดโดยตลอด ดำเนินการปรับปรุงท่วงทำนอง กวดขันวินัยและต่อต้านการคอร์รัปชันด้วยแนวคิดแห่งการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบจากทั้งต้นเหตุและปลายเหตุ หลุดพ้นจากวัฏจักรประวัติศาสตร์แห่งการมีขึ้นมีลงของอำนาจรัฐ ชี้นำและประกันเรืออันยิ่งใหญ่แห่งสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนให้แล่นไปข้างหน้าอย่างมั่นคงตลอดไป

นายสี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า ต้องประกันนโยบายและแผนงานสำคัญของคณะกรรมการกลางพรรคฯ ให้ได้รับการปฏิบัติตามผ่านการตรวจตราทางการเมืองที่ทรงพลัง สมาชิกพรรคฯ และเจ้าหน้าที่ต้องเสริมสร้างแนวป้องกันทางความคิดให้มั่นคง ต้องรู้หน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง ตรวจสอบตัวเอง ตักเตือนตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองตลอดเวลา ต้องประพฤติตนอย่างถูกต้องและเสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเล็ก ทำตัวให้เป็นผู้มีความคิดอ่านน่าเชื่อถือทางการเมืองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ตลอดจนเคารพและปฏิบัติตามวินัยและกฎระเบียบ

นายสี จิ้นผิง กล่าวชี้ว่า ต้องผลักดันการต่อต้านการทุจริตอย่างเด็ดขาด พยายามบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์แห่งการขับเคลื่อน “ความไม่กล้าทุจริต ไม่สามารถคอร์รัปชัน และไม่ประสงค์ทุจริต” อย่างเป็นเอกภาพ ต้องเชื่อมโยงการปรับปรุงท่วงทำนอง กวดขันวินัย และต่อต้านการทุจริตกับการลงลึกการปฏิรูป ปรับปรุงระบบ และส่งเสริมการปกครองอย่างกลมกลืน โดยใช้ประโยชน์จาก “4 รูปแบบ” ให้ดี

(4 รูปแบบ: รูปแบบที่ 1- ดำเนินการวิจารณ์ซึ่งกันและกัน การวิจารณ์ตัวเอง ตักเตือนผ่านการนัดพูดคุยหรือส่งหนังสือเอกสารอย่างสม่ำเสมอ ทำให้การ “หน้าแดงหน่อย เหงื่อออกบ้าง” เป็นเรื่องปกติ

รูปแบบที่ 2 – ในจำนวนผู้รับการลงโทษนั้น ผู้ถูกลงโทษทางวินัยพรรคฯ สถานเบาและถูกโยกย้ายตำแหน่งอย่างเหมาะสมควรเป็นส่วนใหญ่

รูปแบบที่ 3 - ในจำนวนผู้รับการลงโทษนั้น ผู้ถูกลงโทษทางวินัยพรรคฯ สถานหนักและถูกโยกย้ายตำแหน่งที่สำคัญควรเป็นส่วนน้อย

และรูปแบบที่ 4 - ในจำนวนผู้รับการลงโทษนั้น ผู้ถูกลงโทษกระทำผิดวินัยพรรคฯ ขั้นร้ายแรงและถูกตั้งข้อสงสัยว่าฝ่าฝืนกฎหมายจนต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีนั้นควรเป็นส่วนน้อยที่สุด)

บูรณาการขยายบทบาทมาตรการลงโทษป้องปราม การตักเตือน ปรับปรุงตัว และให้การศึกษาเพื่อความตื่นตัว เจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ ต้องนำหน้าปฏิบัติตามวินัยพรรคฯ และกฎหมายแห่งรัฐ ต่อต้านความคิดและพฤติกรรมใช้อภิสิทธิ์อย่างมีจิตสำนึก นำหน้าบริหารครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กำกับดูแลสมาชิกครอบครัว บุตรหลาน และเจ้าหน้าที่รอบข้างอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ คณะกรรมการพรรคฯ ระดับต่าง ๆ ต้องเสริมสร้างการตรวจสอบรายงานข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ระดับผู้นำให้ดี

นายสี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า ต้องแก้ไข “ท่วงทำนอง 4 ประการ” อย่างไม่ลดละ ป้องกันการเกิดขึ้นและขยายตัวของรูปแบบนิยมและลัทธิเจ้าขุนมูลนายอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ต้องยืนหยัดความเข้มงวดอย่างทั่วด้านและให้ถึงที่สุด ต้องป้องปรามพฤติกรรมเคยชินที่ไม่ดี เช่น การกินดื่มด้วยเงินหลวง การบริโภคอาหารเครื่องดื่มและอื่น ๆ อย่างสิ้นเปลือง ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนมีเสียงสะท้อนแสดงไม่พอใจอย่างรุนแรงตั้งแต่พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในนาทีแรก และต้องให้การตักเตือนอย่างสม่ำเสมอ ต้องไม่ผ่อนปรนอย่างเด็ดขาดต่อรูปแบบนิยมและลัทธิเจ้าขุนมูลนาย ดำเนินการตรวจสอบอย่างทั่วด้าน กำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ลดภาระของเจ้าหน้าที่รากหญ้าอย่างต่อเนื่อง กำหนดทิศทางกฎเกณฑ์การแต่งตั้งบุคคลากรโดยให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างจริงจังและสร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรม เร่งรัดให้ทั่วทั้งพรรคฯ แบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ ดำเนินการบุกเบิกกิจการงาน

นายสี จิ้นผิง ระบุว่า ต้องแก้ปัญหาการทุจริตและปัญหาท่วงทำนองที่ดำรงอยู่รอบตัวประชาชนอย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความรู้สึกที่ได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจากการ “ตะครุบแมลงวัน” และต่อต้านการคอร์รัปชัน ต้องแก้ไขปัญหาการละเมิดวินัยพรรคฯ และฝ่าฝืนกฎหมายในแนวรบการปกครองประเทศอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ใช้ความพยายามให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นธรรมและเที่ยงตรงจากการคลี่คลายคดีความแต่ละครั้ง ต้องขับเคลื่อนให้ “การกวาดล้างอันธพาลและอิทธิพลมืด” กลายเป็นปฏิบัติการประจำ ปราบปรามอิทธิพลและอำนาจมืดตลอดจน “ร่มคุ้มกัน” หรือ ผู้ให้การคุ้มครองอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อชาวบ้านอีกอย่างเด็ดขาด ต้องติดตามการปฏิบัติตามนโยบายที่ทำประโยชน์และสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทั้งยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกันของคณะกรรมการกลางพรรคฯ อย่างรัดกุม แก้ไขและขจัดการทุจริตและท่วงทำนองอันมิชอบที่ดำรงอยู่ในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล การประกันผู้สูงวัย การประกันสังคม การขจัดความยากจน และการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น แก้ไขปัญหาที่ “น่าร้อนใจ ยากลำบาก น่าวิตกกังวล และรอคอยความช่วยเหลือ” ของประชาชนให้ดี ให้ประชาชนสัมผัสถึงความเที่ยงตรงและเป็นธรรม

นายสี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า ต้องปรับปรุงระบบตรวจสอบพรรคฯ และรัฐบาลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้การตรวจสอบหลอมรวมอยู่ในการสร้างสรรค์ตาม “แผน 5 ปี ฉบับที่ 14” ต้องให้การตรวจสอบครอบคลุมทั่วทั้งกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภายใต้การนำของพรรคฯ ถือการปรับปรุงกลไกใช้อำนาจรัฐและกลไกการตรวจสอบเป็นการสร้างสรรค์เชิงพื้นฐานแห่งการปฏิบัติตาม “แผน 5 ปี ฉบับที่ 14” สร้างระบบความรับผิดชอบและระบบตรวจตราที่ครอบคลุมอย่างทั่วถึง

เว็บไซต์คณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะกรรมการตรวจสอบแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาว่า ตลอด ค.ศ. 2020 หน่วยงานตรวจสอบวินัยพรรคฯ และตรวจตราความประพฤติทั่วประเทศจีนได้รับการร้องทุกข์หรือแจ้งเบาะแสรวม 3.229 ล้านครั้ง มีผู้ถูกตั้งข้อสงสัย 628,000 ราย ได้รับการลงโทษ 604,000 ราย (เป็นการลงโทษทางวินัยพรรคฯ 522,000 ราย) ในจำนวนนี้รวมเจ้าหน้าที่ระดับมณฑลและกระทรวง 27 คน และระดับไม่ต่ำกว่ารองอธิบดี 2,859 คน ระดับนายอำเภอ หรือ ผู้อำนวยการ 22,000 คน ระดับกำนัน หรือ หัวหน้ากอง 83,000 คน เจ้าหน้าที่ทั่วไป 99,000 คน ตลอดจนบุคลากรจากชนบทและวิสาหกิจและอื่น ๆ จำนวน 398,000 คน

รายงานข่าวระบุว่า ค.ศ. 2020 หน่วยงานตรวจสอบวินัยพรรคฯ และตรวจตราความประพฤติทั่วประเทศจีนได้วิจารณ์และให้การศึกษาเพื่อปรับปรุงตัวหรือลงโทษด้วย “4 รูปแบบ” รวม 1.954 ล้านคน/ครั้ง ในจำนวนนี้ดำเนินการด้วย “รูปแบบที่ 1” ซึ่งก็คือวิจารณ์และให้การศึกษาเพื่อปรับปรุงตัวจำนวน 1.33 ล้านคน/ครั้ง ครองสัดส่วนร้อยละ 68.1 ขณะที่การลงโทษด้วย “รูปแบบที่ 2” มีจำนวน 485,000 คน ครองสัดส่วนร้อยละ 24.8 การลงโทษด้วย “รูปแบบที่ 3” มีจำนวน 71,000 คน ครองสัดส่วนร้อยละ 3.6 และการลงโทษด้วย “รูปแบบที่ 4” มีจำนวน 68,000 คน ครองสัดส่วนร้อยละ 3.5

TIM/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (26-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (26-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (26-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (25-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (25-11-2567)

陆永江