การประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ได้พิจารณาผ่าน “ข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวกับการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 และเป้าหมายระยะยาว ปี 2035” ถือเป็นการแสดงให้โลกเห็นถึงความกล้าหาญและความเชื่อมั่นในตนเองต่อการเริ่มต้นกระบวนการใหม่แห่งการสร้างสรรค์ประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยอย่างครอบคลุม
ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์พรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่า ประเทศจีนในปัจจุบันไม่หวั่นวิตกท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง มีความเชื่อมั่นในตนเองและมีความเข้มแข็ง ซึ่งถือเป็นผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ได้มาจากการฟันฝ่าต่อสู้อย่างไม่ลดละของประชาชนชนเผ่าต่าง ๆ ทั่วประเทศภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การนำของพรรคฯ เป็นบ่อเกิดและหลักประกันความเชื่อมั่นในตนเองของชาติ ประเทศจีนที่เชื่อมั่นในตนเองไม่เพียงแต่มุ่งสู่อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นเท่านั้น หากยังสร้างโอกาสการพัฒนาหลายด้านแก่ทั่วโลกอีกด้วย
“ความเชื่อมั่นในตนเอง 4 ประการ” สะท้อนโฉมหน้าจีนยุคใหม่
ก้าวออกจากสังคมเก่าที่อัปยศอดสูและมืดมน ผ่านกาลเวลาแห่งการปฏิวัติที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งไฟสงคราม พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำพาประชาชาติก้าวกระโดดครั้งสำคัญอย่างยิ่งใหญ่ กล่าวคือ “จากการลุกยืนขึ้น สู่ความมั่งคั่งอย่างเข้มแข็ง” ซึ่งถือเป็นหนทางการพัฒนาที่ทั่วโลกต่างจับตามอง
“จีนยุคปัจจุบันไม่หวั่นกลัวความเปลี่ยนแปลง มีความแข็งแกร่ง ‘แม้จะประสบความยากลำบาก ถูกโจมตี หรือถูกซัดกระหน่ำทั้งจากมรสุมในตะวันออกเฉียงใต้ที่ร้อนระอุและมรสุมตะวันตกเฉียงเหนืออันหนาวเหน็บ’ และยิ่งมีความเชื่อมั่นในตนเองที่ ‘แม้รู้ดีว่าจะเผชิญอุปสรรคขวากหนามบนหนทางเบื้องหน้า แต่ยิ่งลำบากก็ยิ่งต้องก้าวไปข้างหน้า’”
นายจาง ซื่ออี้ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยประวัติศาสตร์และข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในตนเองของจีนยุคปัจจุบันสามารถอธิบายได้อย่างเป็นรูปธรรมผ่าน “ความเชื่อมั่นในตนเอง 4 ประการ” ได้แก่ ความเชื่อมั่นในตนเองของประชาชนที่มีต่อแนวทางสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีน ความเชื่อมั่นในตนเองของประชาชนที่มีต่อระบบทฤษฎีสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีน ความเชื่อมั่นในตนเองของประชาชนที่มีต่อระบบสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีน และความเชื่อมั่นในตนเองของประชาชนที่มีต่อวัฒนธรรมสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีน
การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีลักษณะพิเศษที่ถือเป็นแก่นแท้ที่สุดแห่งสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนและถือเป็นความได้เปรียบสำคัญที่สุดแห่งสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนด้วย ผลสำรวจความเห็นสาธารณะล่าสุดโดยองค์กรที่มีอิทธิพลระหว่างประเทศแสดงให้เห็นว่า อัตราการสนับสนุนพรรคฯ และรัฐบาลจีนสูงถึงร้อยละ 95 ปี 2020 จีนสามารถนำหน้าควบคุมการระบาดของโควิด-19 และนำหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยตัวเลขอัตราการขยายตัว “เปลี่ยนจากลบเป็นบวก” สะท้อนให้เห็นอีกครั้งถึงขีดความสามารถการเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“ความเชื่อมั่นในตนเองของจีนยุคปัจจุบันเห็นได้จากแนวโน้มความเป็นเอกภาพของประชาชาติที่ได้รับการเสริมสร้างมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภารกิจด้านต่าง ๆ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากแนวโน้มแห่งความสุขุมรอบคอบที่พลังทางเศรษฐกิจ สังคม และอื่น ๆ ได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางด้านวัฒนธรรมได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเห็นได้จากแนวโน้มโดยรวมที่ระบบ วัตถุ จิตใจ และอื่น ๆ ได้รับการพัฒนาอย่างผสมผสานกลมกลืน”
นายจู้ หลิงจุน รองผู้อำนวยการ ฝ่ายศึกษาการเรียนการสอน สาขาวิชาการสร้างสรรค์พรรคฯ โรงเรียนพรรคฯ แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เห็นว่า ความเชื่อมั่นในตนเองของจีนนั้นหาใช่ความหยิ่งยโสอย่างไร้เหตุผล แต่สร้างขึ้นบนพื้นฐานอันหนักแน่นที่สามารถรองรับบททดสอบภาคปฏิบัติและทางประวัติศาสตร์ได้
การนำของพรรคฯ เป็นบ่อเกิดและหลักประกันความเชื่อมั่นในตนเองของจีน
ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ความกล้าหาญแห่งความเชื่อมั่นในตนเองของจีนนั้นมีบ่อเกิดมาจากการนำอันทรงพลังและเข้มแข็งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคฯ นำพาประชาชนจำนวนมหาศาลสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและรวมตัวเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ จนนำพาจีนบรรลุการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดซึ่งถือเป็นปาฏิหาริย์ของโลก
นายจู้ หลิงจุน เห็นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนขยายบทบาททางการเมือง การบริหาร และการจัดตั้ง กำหนดทิศทางการพัฒนาและการปกครองของสังคม อัดฉีดพลังชีวิต รักษาระเบียบ ขณะเดียวกัน พรรคฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์และปฏิวัติตัวเอง เสริมสร้างพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ พลังแห่งการสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และพลังแห่งการต่อสู้ของบรรดาสมาชิกพรรคฯ เพื่อยกระดับและขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการสังคมให้สูงขึ้น “ด้วยเหตุนี้ พรรคฯ จึงกลายเป็น ‘กระดูกสันหลัง’ ของประชาชนจีนและ ‘เสาหลัก’ ของการพัฒนาประเทศชาติ ตลอดจนเป็นบ่อเกิดและหลักประกันแห่งความเชื่อมั่นในตนเองของจีน”
จู้ หลิงจุน กล่าวว่า ประเทศภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นมีความได้เปรียบกว่าหลายด้าน เช่น ยืนหยัดหลักประกันและวางแผนผลประโยชน์ระยะยาวของประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ประชาชนทั่วประเทศสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การรวมศูนย์กำลังเพื่อดำเนินการในเรื่องใหญ่ ๆ ตลอดจนวัฒนธรรมอันเก่าแก่รุ่งโรจน์ได้รับการพัฒนาด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง
จาง ซื่ออี้ กล่าวว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีพลังแห่งการจัดตั้งและรวมประชาชนเป็นปึกแผ่นที่เข้มแข็ง นำพาประชาชนจีนสิ้นสุดภาวะแตกแยก กลายเป็นกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งในการขจัดอุปสรรคและความยากลำบาก ขับเคลื่อนพลังอันยิ่งใหญ่แห่งการผลักดันก้าวไปข้างหน้าทางประวัติศาสตร์ ประชาชนจีนได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งผ่านประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเองว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนควรค่าแก่การไว้วางใจ สนับสนุน และติดตามอย่างแท้จริง สมกับเป็นพลังอันเข้มแข็งแห่งการบรรลุความฝันจีนที่จะฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน”
ประเทศจีนที่เชื่อมั่นในตนเองจะสร้างโอกาสแห่งการพัฒนาหลายด้านแก่ทั่วโลก
โลกปัจจุบันกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบเกือบศตวรรษ สถานการณ์โลกนับวันยิ่งทวีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ในประเด็นการป้องกันและควบคุมโควิด-19 บางประเทศหมายที่จะโยนความผิดแก่ผู้อื่นและเบี่ยงเบนความขัดแย้ง ขณะที่ ลัทธิเอกภาคีนิยมและลัทธิกีดกันการค้าขยายตัวขึ้น จีนไม่หวั่นวิตกหรือท้อถอย แต่กลับยืนหยัดก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ต่อไปแม้จะเผชิญลมฝนก็ตาม
จาง ซื่ออี้ กล่าวว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำพาประชาชนจีนประสบผลสำเร็จสำคัญเชิงยุทธศาสตร์แห่งการต้านการระบาดของโควิด-19 ฟันฝ่าต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่สั่นคลอนเพื่อบรรลุภาระหน้าที่และเป้าหมายแห่งการสร้างสรรค์สังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน ขณะที่ การขจัดความยากจน รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนปรากฏแนวโน้มมีเสถียรภาพและพัฒนาด้วยดีก่อนประเทศอื่นทั่วโลก นำความมั่นใจและความหวังแก่ทั่วโลก”
จู้ หลิงจุน เห็นว่า หนทางการพัฒนาของจีนเป็นตัวอย่างและทางเลือกที่ดีแก่ประเทศจำนวนมากในการใฝ่หาการพัฒนา “ภูมิปัญหาจีน” และ “แนวทางจีน” ซึ่งได้รับการยอมรับกว้างขวางมากขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกัน จีนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองยังได้นำผลประโยชน์หลายด้านมาสู่ทั่วโลกด้วย
“การบริหารจัดการเรื่องภายในของจีนให้ดี คือ การสร้างคุณูปการแก่โลกเช่นกัน การสร้างนวัตกรรมและการผลิตของจีนสร้างคุณประโยชน์ด้านวัสดุสิ่งของมหาศาล การขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและการเสริมสร้างเสถียรภาพการจ้างงานและอื่น ๆ สร้างผลประโยชน์ด้านการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน การผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษย์ การทุ่มเทรักษาสันติภาพโลก และสร้างผลประโยชน์แห่งสันติภาพอันล้ำค่า”
จู้ หลิงจุน กล่าวทิ้งท้ายว่า หากมองไปในอนาคต ประชาชนจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนย่อมจะสร้างสรรค์ประเทศที่มีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น รวมทั้งสร้างชัยชนะใหม่บนหนทางใหม่อย่างต่อเนื่อง
TIM/LU