เดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 ในที่ประชุมรำลึกครบรอบ 80 ปีชัยชนะ “การเดินทัพทางไกลกองทัพแดง” นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เล่าเรื่องราวของ “ผ้าห่มครึ่งผืน” ในที่ประชุมด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนเทศกาลตรุษจีน ค.ศ. 2021 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดังกล่าวนั่นก็คือ หมู่บ้านซาโจวชนเผ่าเหยา เมืองเชินโจว มณฑลหูหนาน เพื่อสัมผัส “ความอบอุ่น” ที่สืบทอดมาจาก “ผ้าห่มครึ่งผืน” โดยได้เห็นกับตาถึงความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือที่เกิดขึ้น พร้อมไปกับรับฟังความในใจของชาวบ้านที่เล่าให้ฟังว่า “ในอดีตพรรคคอมมิวนิสต์จีนมอบผ้าห่มครึ่งผืนแก่เรา ทุกวันนี้พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้มอบความสุขแห่งชีวิตแก่เรา”
ก่อนตรุษจีนใกล้มาถึง หมู่บ้านซาโจวเข้าสู่ “ฤดูกาลท่องเที่ยวสีแดง” บนแผงลอยขายสินค้าของบรรดาชาวบ้านมีสินค้าพื้นบ้านหลายชนิดดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น เบคอน ผัก และผลไม้แห้ง เป็นต้น มีหญิงสาวจากหมู่บ้านซาโจวสองคนซึ่งเคยไปหางานทำในตัวเมืองได้กลับมาก่อร่างสร้างตัวด้วยตนเองที่บ้านเกิด โดยดัดแปลงบ้านเก่าที่มีอายุหลายร้อยปีของครอบครัวให้กลายเป็นร้านชานมและน้ำชาเชิงพักผ่อนหย่อนใจซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในตัวเมืองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว
เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1934 กองทัพแดงเดินทัพทางไกลผ่านหมู่บ้านซาโจว ในคืนฤดูหนาวที่อากาศหนาวเหน็บ นางสวี เจี่ยซิ่ว สตรีชนบทในหมู่บ้านแห่งนี้รับทหารหญิงสามนายที่พลัดหลงจากกองทหารให้พักค้างคืนที่บ้าน
นางสวี เจี่ยซิ่วซ่อนทหารทั้งสามนายไว้ที่บ้านตลอด 6 คืนจนช่วยพวกเธอรอดจากการไล่ล่าของศัตรูได้ ก่อนจากไปทหารหญิงทั้งสามอยากทิ้งผ้าห่มทหารที่พวกเธอมีอยู่ผืนเดียวไว้ให้ครอบครัวชาวนาซึ่งขณะนั้นขาดแคลนทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เวลาเข้านอนกลางคืนมีเพียงปุยฝ้ายขาด ๆ ใช้กันหนาวเท่านั้น
สุดท้ายแม้ทหารหญิงแบ่งผ้าห่มครึ่งผืนให้แก่สวี เจี่ยซิ่ว แต่หลังจากนั้นไม่นานผ้าห่มผืนนี้ก็ถูกฝ่ายต่อต้านแย่งไปเผาทิ้ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผ้าห่มครึ่งผืนทิ้งไว้แก่สวี เจี่ยซิ่ว คือ ความอบอุ่นที่มิอาจลืมได้ตลอดชีพ
ขณะร่ำลากัน ทหารหญิงสามนายบอกสวี เจี่ยซิ่วว่าจะกลับมาพร้อมผ้าห่มผืนใหม่หลังได้รับชัยชนะ แต่สวี เจี่ยซิ่วก็ไม่ได้พบทหารสามนายนั้นอีกเลย ในช่วงกว่า 50 ปีหลังจากนั้น สวี เจี่ยซิ่วสอนลูกหลานให้รู้จักสำนึกในบุญคุณและเดินตามพรรคคอมมิวนิสต์จีนผ่านเรื่องราวของ “ผ้าห่มครึ่งผืน”
เรื่องราวนี้เองสร้างความอบอุ่นแก่ครอบครัวสวี เจี่ยซิ่วมาแล้วสี่ชั่วอายุคน นายจู เฟินหย่ง หลานคนโตของสวี เจี่ยซิ่วบอกกับผู้สื่อข่าวว่า สมัยเด็ก ๆ คุณย่าหวังให้เขาโตขึ้นเดินตามแนวทางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำเรื่องดี ๆ ให้กับชาวบ้าน ต่อมาภายหลังเขาเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ ประจำหมู่บ้าน ฟันฝ่าต่อสู้เพื่อการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของหมู่บ้านซาโจวเป็นเวลากว่า 20 ปี ค.ศ. 2014 นายจู เสี้ยงฉุน เหลนของสวี เจี่ยซิ่วเป็นผู้รับช่วงภารกิจต่อจากรุ่นพ่อ นำพาบรรดาชาวบ้านใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาความยากจนต่อไป สิ่งที่เขาคาดไม่ถึง คือ “การท่องเที่ยวสีแดง” ได้รับการพัฒนาในหมู่บ้านซาโจว เดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 นายสี จิ้นผิงกล่าวปราศรัยสำคัญในที่ประชุมรำลึกครบรอบ 80 ปีแห่งการเดินทัพทางไกลของกองทัพแดง โดยเล่าถึงเรื่องราว “ผ้าห่มครึ่งผืน” ซึ่งเกิดขึ้นที่หมู่บ้านซาโจว
สิ่งที่บรรดาเจ้าหน้าที่และชาวบ้านยิ่งคาดไม่ถึง คือ วันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2020 นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านซาโจวพร้อมเยี่ยมบ้านของนายจู จงสง ผู้เป็นพ่อ และนายจู เสี่ยวหง ผู้เป็นลูกชาย ซึ่งเป็นทายาทของสวี เจี่ยซิ่ว
นายจู เสี่ยวหงเดิมเคยขึ้นทะเบียนเป็นผู้ยากจน ชีวิตของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงจากนโยบายสนับสนุนการบรรเทาความยากไร้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการพัฒนา “การท่องเที่ยวสีแดง” หลังผ่านการอบรมพ่อครัวฟรี ปัจจุบันเขาเปิดร้านอาหารพื้นเมืองในหมู่บ้านซาโจวแห่งแรก มีรถเก๋งขับ และมีชีวิตความเป็นอยู่มั่งคั่ง
หมู่บ้านซาโจวในขณะนี้ไม่เพียงแต่หลุดพ้นจากความยากจนทุกครัวเรือนแล้วเท่านั้น ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวบ้านเพิ่มเป็นกว่า 15,000 หยวน เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัวในระยะเวลา 5 ปี คำกล่าวที่สวี เจี่ยซิ่วเคยกล่าวไว้บ่อย ๆ นั้นฝังลึกอยู่ในจิตใจของบรรดาชาวบ้าน ซึ่งก็คือ เราต้องเดินตามหนทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนตลอดไป ขอเพียงแต่เดินตามพรรคฯ เราก็ย่อมมีอนาคตที่ดีงามได้ในที่สุด
TIM/LU