ประเทศที่ร่ำรวยมีประชากรคิดเป็น 16% ของประชากรทั้งโลกได้ถือครองวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากถึง 60% ของโลก  ส่วนประเทศในแอฟริกาที่ทำการฉีดวัคซีนไปแล้วมีเพียงแค่ 2% ของทั้งโลก ซึ่งถือเป็น “ความเหลื่อมล้ำทางวัคซีน” ที่สะท้อนถึงความไม่เสมอภาคระหว่างประเทศที่มาจากลัทธิการล่าอาณานิคมของตะวันตกและสหรัฐในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา

บางคนอาจคิดว่าลัทธิล่าอาณานิคมหมดสิ้นไปจากโลกนี้นานแล้ว แต่นาย António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติระบุในงานรำลึก Nelson Rolihlahla Mandela เมื่อปีที่แล้วว่า “เราอย่าหลอกตัวเองและคนอื่น จนถึงทุกวันนี้ลัทธิการล่าอาณานิคมยังคงสร้างมหันตภัยอย่างไม่สิ้นสุด”

ประเทศที่พัฒนาหลายประเทศร่ำรวยขึ้นด้วยการล่าอาณานิคมเป็นเวลาหลายศตวรรษ เช่น สหรัฐไล่ล่าและสังหารชาวอินเดียนแดง ทำให้ประชากรอินเดียนแดงจาก 5,000,000 คน เมื่อปลายศตวรรษที่ 15 ลดลงมาอยู่ที่ราว 250,000 คน เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ยึดเอาที่ดินและทรัพยากรไปหมด เปรียบเสมือนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มาถึงทุกวันนี้ยังมุ่งผูกขาดเรื่องการวิจัยและผลิตวัคซีน กักตุนวัคซีน และไม่สนใจช่วยประเทศกำลังพัฒนา

การล่าอาณานิคมของตะวันตกและสหรัฐเป็นเวลาหลายศตวรรษทำให้เกิด “ความเหลื่อมล้ำด้านการพัฒนา” เป็นเหตุให้ในทุกวันนี้ประเทศจำนวนไม่น้อยยังคงตกอยู่ในภาวะยากจน

ในขณะที่ลัทธิการล่าอาณานิคมที่เกิดขึ้นในสหรัฐเป็นการบ่มเพาะชาติพันธุ์นิยมยกย่องชาวผิวขาวอยู่สูงสุด ซึ่งหลอมรวมอยู่ในสายเลือดของสหรัฐ การลุ่มหลงในประเทศตะวันตกบางประเทศ โดยมุ่งสร้างอิทธิพลต่อประเทศและเขตที่เคยล่าอาณานิคม ก่อความขัดแย้งและข้อพิพาท เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนตัวและ “ทนงในศักดิ์ศรี” มองจากมิติปัจจุบัน แนวคิดการล่าอาณานิคมยังคงปรากฏและใช้ความเป็นมหาอำนาจในการสร้างความวุ่นวาย

(BO/LING/CAI)