เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายจู กวงเย่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแห่งชาติจีน กล่าวในงานสัมมนาว่าด้วย “โอกาสและความท้าทายของจีน ต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ว่า เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของจีน เกี่ยวกับการบรรลุซึ่งการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึงเพดานสูงสุดก่อน ค.ศ. 2030 และการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ก่อน ค.ศ. 2060 แสดงว่า ในฐานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาใหญ่ที่สุดของโลก ประเทศจีนต้องใช้เวลาที่น้อยกว่าเพื่อบรรลุซึ่งอัตราลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากกว่า จึงพูดได้ว่าระยะเวลาเร่งรัดและงานหนักยิ่ง
นายจู กวงเย่ากล่าวว่า “เวลาบรรลุซึ่งการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึงเพดานสูงสุดนั้น ประเทศยุโรปและอเมริกาน่าจะเริ่มต้นในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งประเทศสหรัฐฯคือปี 2000 และประเทศเหล่านี้มีเป้าหมายบรรลุซึ่งการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ใน ค.ศ. 2050 ดังนั้น ระหว่างสองเป้าหมายดังกล่าว ประเทศที่พัฒนาแล้วมีเวลานานถึง 60-70 ปี อย่างน้อยก็มีเวลานานถึง 50 ปี แต่สำหรับประเทศจีนแล้ว มีเวลาเพียง 30 ปีเท่านั้น จึงถือเป็นความท้าทายที่ยากลำบากมาก ” ขณะเดียวกัน เขาได้เน้นว่า การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีการปล่อยคาร์บอนต่ำนั้น ต้องการความร่วมมือของประเทศต่างๆทั่วโลก การที่บางประเทศดำเนินสองมาตรฐานนั้น มีแต่ก่อผลเสียไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด มีเพียงความร่วมมือพหุภาคีเท่านั้น ถึงจะสามารถสอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญที่ได้ร่วมงานสัมมนาครั้งนี้กล่าวว่า แม้จะเป็นความท้าทายใหญ่หลวง แต่การบรรลุซึ่งการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึงเพดานสูงสุดและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์นั้น เป็น “การปฏิวัติสีเขียว” ครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับประเทศจีนแล้ว นี่ก็เป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งด้วย นายเถียน ฮุ่ย อดีตรองประธานสมาคมอุตสาหกรรมถ่านหินแห่งชาติจีนชี้ว่า สองเป้าหมายทางคาร์บอนดังกล่าว ได้มีคำขอใหม่ต่อโครงสร้างพลังงานของจีนที่ปัจจุบันยังถือพลังงานฟอสซิลคาร์บอนสูงเป็นหลัก ดังนั้น โครงสร้างการผลิตและการบริโภคพลังงานที่มีอยู่ย่อมจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่
(Yim/Zi)