การเหยียดเชื้อชาติให้คนผิวขาวเป็นใหญ่คือ ประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ

2021-07-20 17:20:40 | CRI
Share with:

สหรัฐฯ มีประวัติศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้าย แต่ยังแสดงตัวเป็นผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน ถือตัวเองเป็นผู้ตัดสินด้านคุณธรรมของโลก วิพากษ์วิจารณ์กิจการภายในและสภาพสิทธิมนุษยชนของต่างประเทศ รัฐบาลสหรัฐฯ เชี่ยวชาญในการใช้ “สองมาตรฐาน” มองข้ามสภาพการเหยียดเชื้อชาติในประเทศตน แต่บุคคลที่เห็นความจริงของสหรัฐฯ ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นชี้ความเจ้าเล่ห์ของรัฐบาลและประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ

ความจริงแล้วการเหยียดเชื้อชาติของคนผิวขาวกลายเป็นสาเหตุที่เกิดการปะทะกันระหว่างเชื้อชาติ โดยเอฟบีไอของสหรัฐฯ ประกาศว่าคดียิงปืนและเหตุใช้กำลังอาวุธส่วนใหญ่มาจากความคิดที่คนผิวขาวอยู่สูงสุด

นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวดูถูกศาสนาอิสลามมาหลายครั้ง ทีมของทรัมป์ก็มีหลายคนที่มีท่าทีต่อต้านศาสนาอิสลาม เช่นนายไมเคิล โธมัส ฟลินน์ ผู้ช่วยด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีคนแรกของทรัมป์ เปรียบศาสนาอิสลามเป็นมะเร็งร้าย เรียกว่า ลัทธิอิสลามนิยมเป็นแนวคิดทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังของศาสนา ซึ่งความหวาดกลัวต่อมัสยิดจึงสมเหตุสมผล

ส่วนสตีฟ แบนนอน  อดีตที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็กล่าวว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีพวกหัวรุนแรงมากที่สุดของโลก

การเหยียดเชื้อชาติ โดยเฉพาะคนผิวขาวอยู่สูงสุด ซึ่งเป็นประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ จะไม่เป็นที่ยอมรับของชาวโลก ซึ่งการเหยียดหยามต่อมัสยิดในประเทศ และการก่อความทุกข์ที่ซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน และประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามก็เป็นความจริงที่ทราบกันทั่วโลก ซึ่งความมุ่งหมายแบบนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ

Bo/Chu/Zhou

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

  • เสียงข่าวประจำวัน (24-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (23-11-2567)

  • เกาะกระแสจีน (23-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (22-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (22-11-2567)

韩楚