นางสาวน่าปู้ลา และน้องสาวน่าเหนิง ชาวหมู่บ้านโม่โว อำเภอซีเหมิง มณฑลยูนนาน ทางภาคใต้ของจีน หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย พี่น้องคู่นี้ตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อทำธุรกิจช่วยเพิ่มรายได้แก่ชาวบ้าน
นางสาวน่าปู้ลา บอกว่า เธอเป็นคนยุคหลังทศวรรษ 1990 บ้านเกิดของเธอเคยยากจนข้นแค้นและล้าหลัง ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยในปี 2011 ครั้งหนึ่งเธอไปซื้อน้ำผึ้งจากซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง ชิมแล้วรู้สึกว่ารสชาติและคุณภาพสู้ของบ้านเกิดไม่ได้ บ้านเกิดของเธอนอกจากมีน้ำผึ้งแล้ว ยังมีผลิตผลอื่นอีกหลากหลายชนิด ในปี 2014 เธอและน้องสาวตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว แต่คุณพ่อไม่เชื่อว่าจะทำธุรกิจได้ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ไม่เชื่อ นึกว่าเธอพูดเล่นไปเท่านั้น แม้เป็นเช่นนั้นนางสาวน่าปู้ลาและน้องสาวก็ไม่ท้อใจ พวกเธอเริ่มจำหน่ายน้ำผึ้งผ่านทางวีแชท ผลปรากฏว่ามีลูกค้าสั่งซื้อจำนานไม่น้อย ต่อมารัฐบาลจีนเริ่มทำโครงการขจัดความยากจนในพื้นที่ชนบททั่วประเทศ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านการขจัดความยากจนในหมู่บ้านได้ช่วยนางสาวน่าปู้ลาแก้ไขปัญหาการทำธุรกิจอย่างมาก ส่วนชาวบ้านที่เลี้ยงผึ้งในหมู่บ้านยังได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลด้วย โดยการเลี้ยงผึ้งกล่องหนึ่งได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล 50 หยวน ชาวบ้านในหมู่บ้านจึงต่างรู้สึกดีใจเพราะนางสาวน่าปู้ลาสามารถช่วยจำหน่ายน้ำผึ้ง ส่วนรัฐบาลให้เงินสนับสนุนแก่คนเลี้ยงผึ้ง
ชาวบ้านในหมู่บ้านโม่โว บอกว่า แต่ก่อนน้ำผึ้งและผลิตผลอื่นส่วนใหญ่ใช้บริโภคเอง แต่หากใช้ไม่หมดกินไม่หมดจึงจะนำไปขายในตลาดของตำบล บางทีขายไม่ออกก็ต้องเอากลับบ้าน
นายเอี๋ยนชุน ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า แต่ก่อนผลิตผลของพวกเขามีช่องทางจำหน่ายน้อยมาก จึงต้องขายในราคาต่ำ แต่ทุกวันนี้นางสาวน่าปู้ลาช่วยรับไปจำหน่ายผ่านอินเทอร์เน็ต รายได้ของชาวบ้านจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นางสาวน่าเหนิง กล่าวว่า จากการใช้ความพยายามเป็นเวลาหลายปี ปัจจุบันเธอและพี่สาวสามารถจำหน่ายผลิตผลของหมู่บ้านไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และมณฑลกว่างตง เฉพาะปีนี้ปีเดียวจำหน่ายชาเขียวจากต้นชาโบราณในหมู่บ้านไปแล้วกว่า 4,000 กิโลกรัม
ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า แต่ก่อนพวกเขาขายใบชาในราคากิโลกรัมละเพียง 12 หยวน แต่หลังจากนางสาวน่าปู้ลามาช่วยจำหน่ายแล้ว ใบชาขายได้ในราคากิโลกรัมละ 60 - 70 หยวน ปีนี้เขาจะมีรายได้ประมาณ 20,000 หยวน
(tim/cai)
(เนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face)