วันที่ 8 กันยายน 2020 ศาสตราจารย์ จง หนานซาน สมาชิกสภาวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจแห่งชาติ สังกัดโรงพยาบาลแห่งแรกในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กวางโจว ผู้ได้รับ "อิสริยาภรณ์สาธารณรัฐ" ในพิธีมอบรางวัลแก่ตัวอย่างการต่อต้านโควิด-19
การต้านโควิด-19 ของจีน จง หนานซานมีความกล้าหาญและรับผิดชอบ ทำงานในแนวหน้ามาโดยตลอด ใช้จิตใจช่วยชีวิตผู้อื่นปกป้องชีวิตประชาชน
จงมีความกล้าหาญและรับผิดชอบเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน
จง หนานซาน เคยกล่าวว่า "ส่งผู้ป่วยอาการหนักสุดมาให้ผมรักษา" เมื่อครั้งต่อสู้กับโรคซาร์สเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ถึงช่วงต้านโควิด-19 เขาได้พูดว่า "ในการต่อสู้กับโรคระบาด แพทย์คือทหาร เราไม่ไป ใครจะไปแนวหน้า” จง หนานซานแบกรับภารกิจการเป็นแพทย์คนหนึ่งมาโดยตลอด
วันที่ 21 พฤษภาคม 2021 เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่เมืองกวางโจว ภายใต้การนำของจง หนานซาน ห้องปฏิบัติการกวางโจวได้ดำเนินการวิจัยฉุกเฉินเพื่อสรุปลักษณะของการติดเชื้อ การแพร่ระบาด และการป้องกันรักษาทางคลินิกของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า โดยได้สรุปข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญสำหรับการป้องกันและควบคุมไวรัสดังกล่าว ซึ่งเพิ่มความหมายใหม่ให้กับคำว่า "ผู้อยู่ใกล้ชิดผู้ติดไวรัส" และ "Yellow Code" ทำให้การติดตามผู้ติดเชื้อทำได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นประสบการณ์การตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อแก่เมืองอื่น ๆ ทั้งของจีนและทั่วโลก
นับเป็นครั้งที่ 2 ที่จง หนานซานต้องเผชิญกับโควิด-19 โดยตรงอีกครั้ง
หลายคนอาจยังจำภาพถ่ายรูปหนึ่งของจง หนานซานได้ นั่นก็คือภาพที่เขานั่งรถไฟความเร็วสูงเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น แต่เนื่องจากต้องไปอย่างเร่งรีบ เขาจึงนั่งในตู้เสบียง มีอาการเหน็ดเหนื่อย ขมวดคิ้ว หลับตาพักผ่อนอยู่ ห้อมล้อมไปด้วยกองเอกสารที่เขาเพิ่งตรวจเสร็จ สองวันต่อมาในฐานะผู้นำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของคณะกรรมการอนามัยและสุขภาพแห่งชาติ จง หนานซานประกาศให้ทุกคนทราบว่า ไวรัสโควิด-19 สามารถ "แพร่ระบาดจากคนสู่คนได้" หลังจากดำเนินการวิจัย เขาได้เสนอกลยุทธ์ "ต้องติดตาม วางแผน ริเริ่ม และปฏิบัติโดยเร็ว" ในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำให้ทุกคนประหยัดเวลาในการต้านโรคระบาด
"ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราจะไม่ทิ้งผู้ป่วยทุกคนในการต้านโควิด” จง หนานซาน กล่าว เขายังได้นำทีมของโรงพยาบาลแห่งแรกในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กวางโจวรักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนักจำนวนมาก เขาเป็นประธานในการแก้ไขเพิ่มเติม "แผนการวินิจฉัยและรักษาโควิด-19" ฉบับที่ 2 ถึงฉบับที่ 8 นอกจากนี้เขายังใช้ระบบการแพทย์ทางไกลวินิจฉัยผู้ป่วย 55 คน รวมทั้งหมด 24 ครั้ง ตลอดจนได้เพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนัก
เคารพต่อวิทยาศาสตร์ เคารพต่อกฎเกณฑ์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมวิจัยของจง หนานซานมีผลงานคืบหน้าใหม่ด้านการวิจัยหลังเปรียบเทียบระหว่างผู้ได้รับการฉีดและยังไม่ได้รับวัคซีน วัคซีนชนิดเชื้อตายของจีนมีผลในการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า และมีอัตราการป้องกันสูงถึง 60% ป้องกันอาการปานกลางได้ 70% และมีอัตราการป้องกันการป่วยหนักสูงถึง 100%
ผลวิจัยนี้เสริมสร้างความมั่นใจของประชาชนจีนต่อการผลิตวัคซีนเชื้อตาย นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและการยืนหยัดในหลักการทางด้านวิชาชีพของจง หนานซานตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก็คือการเคารพต่อวิทยาศาสตร์ เคารพต่อกฎเกณฑ์ โดยใช้ความรู้ทางวิชาการและประสบการณ์ในการศึกษาโรค ตลอดจนสรุปแผนการรักษาอย่างทันท่วงที
ใน ค.ศ. 2003 เมื่อต่อสู้กับโรคซาร์ส จง หนานซานพร้อมทีมวิจัยทำงานทั้งวันทั้งคืนจนในที่สุดก็พบวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพชุดหนึ่งในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและยกประสิทธิภาพในการรักษาโรคซาร์ส
ปัจจุบันเมื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จง หนานซานยังคงยืนหยัดใช้พลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการรักษาและช่วยชีวิตประชาชน เขานำทีมแพทย์ทำการรักษาทางคลินิกและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน แยกสายพันธุ์ไวรัสที่มีชีวิตออกจากตัวอย่างทางคลินิก และออกจากอุจจาระและปัสสาวะ ทำการวิจัยครั้งแรกทั่วประเทศเกี่ยวกับลักษณะทางคลินิกของโควิด-19 การวิจัยโมเดลของสัตว์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาโควิด-19 ด้วยแพทย์แผนจีน ประสบความสำเร็จในการผลิตชุดตรวจหาแอนติบอดี IgM ชนิดที่สามารถตรวจพบไวรัสได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้น งานวิจัยเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจและการรักษาโควิด-19
ในช่วงการต้านโควิด-19 เขาพร้อมทีมงานได้เริ่มทำโครงการทดลองทางคลินิกฉุกเฉิน 41 โครงการสำหรับโควิด-19 โดยได้รับการตีพิมพ์บทความลงในวารสารวิทยาศาสตร์มากกว่า 50 บท ซึ่งเป็นวารสารวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เช่น New England Journal of Medicine เป็นต้น นำทีมเรียบเรียงคู่มือการรักษาโควิด-19 จำนวน 3 ฉบับ ประพันธ์หนังสือที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับ นอกจากนี้เขายังเข้าร่วมงานสัมมนาระหว่างประเทศออนไลน์กว่า 40 ครั้ง โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จาก 20 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นต้น เพื่อเสนอ "แผนการจีน" ในการต้านโควิด-19 สร้างคุณูปการอย่างแข็งขันต่อการส่งเสริมการพัฒนาประชาคมด้านสุขภาพอนามัยที่มีอนาคตร่วมกัน
เมื่อได้รับรางวัลต่าง ๆ จง หนานซาน มักกล่าวว่า เขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแพทย์คนหนึ่ง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับโรคซาร์ส หรือ โควิด-19 เขายืนหยัดแสวงหาข้อเท็จจริงจากความจริงและทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับประชาชน เขามักส่งต่อความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยความรู้และความรับผิดชอบของตน
สู้โควิดในแนวหน้า รักษาโรคช่วยชีวิตผู้ป่วย
จง หนานซาน มีอายุกว่า 80 ปีแล้ว เขายังคงพยายามทำงานในแนวหน้าทางคลินิก ตามที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแนะนำ จง หนานซานชอบไปตรวจผู้ป่วยที่ห้องพักทุกสัปดาห์ ในฤดูหนาว จง หนานซานจะอุ่นหูฟังแพทย์ด้วยมือของเขาก่อนจะฟังเสียงผู้ป่วย ระหว่างการตรวจเขาจะช่วยให้ผู้ป่วยนอนลงอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ พยุงขึ้นหลังเสร็จการตรวจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยสูงวัยหรือเด็ก ไม่ว่าจะมีอาการเบาหรือหนัก จง หนานซานก็จะตรวจให้อย่างเท่าเทียม เขามักกล่าวว่า "หลายสิบปีที่เป็นหมอมานี้ ความสุขยิ่งใหญ่ที่สุดของผม คือ การยืนอยู่ในแนวหน้าของการรักษาโรคและช่วยชีวิตประชาชน"
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์ระบบทางเดินหายใจ เขาแสดงบทบาทสำคัญในแนวหน้าของการต่อต้านและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 เขาไม่เพียงแต่ใช้ความเชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยา ระบาดวิทยา และสาขาอื่น ๆ เท่านั้น หากยังพยายามสาธิตวิธีการล้างมือและสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วย
เดือนธันวาคม 2020 ศูนย์การแพทย์ระบบทางเดินหายใจแห่งชาติจีน เปิดป้ายโรงพยาบาลแห่งแรกในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กว่างโจว โดยจง หนานซานได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ เขาเสนอว่า ศูนย์การแพทย์ระบบทางเดินหายใจแห่งชาติ ควรมีบทบาทชี้นำและขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน แนวปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยทีมงานของเขาอาจเปลี่ยนขั้นตอนการวินิจฉัยและรักษาโรคดังกล่าวไปทั่วโลก
จนถึงทุกวันนี้ จง หนานซานยังคงต่อสู้ในแนวหน้าของการต้านโควิด-19 ต่อไป เขากล่าวว่า "ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังค่อนข้างรุนแรง เราต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการป้องกันและควบคุมเพื่อมีส่วนร่วมมากขึ้นในการต่อสู้กับโควิด-19"
Tim/lei/lu