ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา   นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้ดำเนิน “การทูตประมุข” ติดต่อกับนานาประเทศหลายครั้ง ได้ให้พลังบวกสู่โลกอีกครั้งว่าจีนทุ่มเทในการส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือของโลก

ขณะสนทนาทางโทรศัพท์กับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 10 กันยายน นายสี จิ้นผิงกล่าวชี้ว่า ปัจจุบันประชาคมระหว่างประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาความยากลำบากมากมาย จีนและสหรัฐฯในฐานะประเทศใหญ่ควรมองการณ์ไกล แบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ยืนหยัดที่จะมองไปข้างหน้าและก้าวออกไป แสดงความกล้าหาญเชิงยุทธศาสตร์และความกล้าหาญทางการเมือง ขับเคลื่อนให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับคืนสู่ครรลองที่ถูกต้องที่จะพัฒนาอย่างมั่นคงโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความผาสุกแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศและประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯได้เปิดสงครามการค้ากับจีน เข้าแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างต่อเนื่อง เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง และซินเจียง ทั้งยังใส่ร้ายและโจมตีจีนในประเด็นต่างๆ เช่น ต้นตอของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขัดขวางการผงาดขึ้นของจีน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ประสบความยากลำบากอย่างร้ายแรง คำกล่าวข้างต้นของปธน.สี จิ้นผิงได้แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ถึงความใจกว้างของจีนที่คำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมของโลกและความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือของทั่วโลก เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การที่จีนกับสหรัฐฯจะสามารถจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ดีหรือไม่นั้นเกี่ยวพันถึงอนาคตและชะตากรรมของทั่วโลก หากจีนกับสหรัฐฯร่วมมือกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและทั่วโลก แต่หากจีนกับสหรัฐฯเป็นปฏิปักษ์ต่อกันก็จะนำความเสียหายอย่างร้ายแรงมาสู่ทั้งสองประเทศและทั่วโลก

ปธน.สี จิ้นผิงยังกล่าวด้วยว่า บนพื้นฐานของการเคารพความห่วงใยหลักของกันและกันและการจัดการความขัดแย้งอย่างเหมาะสม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนและสหรัฐฯสามารถที่จะดำเนินการติดต่อและเจรจาต่อไป ขับเคลื่อนการประสานงานและความร่วมมือในประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การป้องกันและควบคุมโรคระบาด การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประเด็นสำคัญอื่นๆระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค พร้อมไปกับการบุกเบิกศักยภาพแห่งความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มปัจจัยบวกมากยิ่งขึ้นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ตอบรับจุดยืนของฝ่ายจีนในเชิงบวก เขากล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในโลก และไม่มีเหตุผลใดที่ทั้งสองประเทศจะตกอยู่ในความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการแข่งขัน สหรัฐฯไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนนโยบายจีนเดียว สหรัฐฯยินดีที่จะดำเนินการแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมาและการเจรจาที่สร้างสรรค์กับจีนมากขึ้น เพื่อกำหนดประเด็นสำคัญและประเด็นลำดับต้นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินความร่วมมือกันได้ หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด การตัดสินใจที่ผิดพลาด และความปะทะที่ไม่คาดคิด ขับเคลื่อนให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ

ประชาคมระหว่างประเทศโดยทั่วไปมีความคาดหวังว่าประมุขของจีนและสหรัฐฯ จะรักษาไว้ซึ่งการแลกเปลี่ยนกันเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และประเด็นสำคัญระหว่างประเทศ เพื่อชี้นำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง และร่วมกันสร้างคุณูปการแก่สันติภาพ การพัฒนา ความสามัคคีและความร่วมมือของโลก

นอกจากนี้ ระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์กับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีซึ่งมีขึ้นในวันเดียวกัน ปธน.สี จิ้นผิงก็ได้แสดงความปรารถนาอันจริงใจของจีนที่จะเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือกับเยอรมนีและสหภาพยุโรป เขากล่าวชี้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนและเยอรมนีได้ผลักดันให้เสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการลงทุนระหว่างจีนกับสหภาพยุโรปตามกำหนดเวลา ร่วมกันเชิดชูส่งเสริมพหุภาคีนิยม ปกป้องการค้าเสรี รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างแข็งขัน และได้ร่วมมือกันสร้างคุณูปการต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก เหตุผลพื้นฐานที่ทำให้ความสัมพันธ์จีน-เยอรมนีประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นั้น อยู่ที่การเคารพซึ่งกันและกันและการเน้นความร่วมมือและชัยชนะร่วมกัน ขอเพียงแต่ทั้งสองฝ่ายยืนหยัดที่จะลงลึกเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ก็จะสามารถขับเคลื่อนให้ความสัมพันธ์จีน-เยอรมนีได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้น หวังว่าเยอรมนีจะผลักดันให้สหภาพยุโรปยึดมั่นในนโยบายที่ถูกต้องต่อจีน มองความแตกต่างระหว่างกันตามสภาพความเป็นจริง จัดการกับความขัดแย้งอย่างมีเหตุมีผล เพื่อขับเคลื่อนให้ความสัมพันธ์จีน-สหภาพยุโรปพัฒนาไปอย่างยั่งยืนด้วยดี

นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่ายินดีที่จะใช้ความพยายามร่วมกับฝ่ายจีนเพื่อผลักดันทั้งสองฝ่ายทั้งเยอรมนีกับจีน และสหภาพยุโรปกับจีนให้ลดความแตกต่างระหว่างกันผ่านการเจรจาและจัดการกับความขัดแย้งอย่างเหมาะสม ข้อตกลงการลงทุนระหว่างสหภาพยุโรปกับจีนเป็นประโยชน์แก่กันและเป็นชัยชนะร่วมกัน หวังว่าจะได้รับการอนุมัติและมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด นางอังเกลา แมร์เคิลยังแสดงว่าเยอรมนีหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านวัคซีนกับจีน

เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา การประชุมผู้นำประเทศกลุ่มบริกส์ครั้งที่ 13 จัดขึ้นผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล ขณะกล่าวสุนทรพจน์ปธน.สี จิ้นผิงได้เรียกร้องอีกครั้งให้เสริมสร้างความร่วมมือด้านการต่อสู้กับโรคระบาดของทั่วโลก และได้กล่าวเน้นให้เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านสาธารณะและวัคซีน เขาประกาศว่า "บนพื้นฐานของการบริจาค 100 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ 'โครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19　ระดับโลก(covax)' จีนจะบริจาควัคซีนอีก 100 ล้านโดสให้กับประเทศกำลังพัฒนาภายในปีนี้" ซึ่งถึงขณะนี้จีนได้ส่งมอบวัคซีนและโซลูชันสต็อกกว่า 1,000 ล้านโดสให้แก่ 100 กว่าประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ โดยตลอดทั้งปี 2021 นี้จีนจะพยายามบรรลุการส่งมอบวัคซีนจำนวน 2,000 ล้านโดสสู่ต่างประเทศ

อนึ่ง การประชุมผู้นำของ 5 ประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ย่อมจะมีส่วนช่วยต่อการส่งเสริมสถานการณ์โดยรวมของความสามัคคีและความร่วมมือของโลก บรรดาผู้นำของทั้ง 5 ประเทศเห็นพ้องต้องกันว่าจะส่งเสริมความสามัคคีทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดต่อไป คัดค้านพฤติกรรมที่ทำให้ประเด็นการสืบค้นต้นตอเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเกมการเมือง และยินดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุขและวัคซีน ขับเคลื่อนการเข้าถึงวัคซีนอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกอย่างเข็มแข็ง ตลอดจนใช้ความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2030

การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงซัดกระหน่ำทั่วโลก สถานการณ์โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบศตวรรษ เมื่อเผชิญกับความท้าทายร่วมกันและสถานการณ์ที่สลับซับซ้อน ปธน.สี จิ้นผิงได้ดำเนิน“การทูตประมุข”อย่างต่อเนื่อง ได้ให้พลังบวกสู่โลกอย่างต่อเนื่องว่าประเทศจีนทุ่มเทในการส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือของโลก จีนจะใช้ความพยายามร่วมกับนานาประเทศทั่วโลกและก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งตามหนทางแห่งการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

YIM/LU