สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้ระบุในรายงานฉบับล่าสุดว่า โลกในปัจจุบันได้แบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงแทบทุกด้าน พหุภาคีนิยมกำลังได้รับการทดสอบที่หนักหน่วงที่สุดหลังจากสหประชาชาติสถาปนาขึ้น โครงสร้างใหม่ของโลกเรียกร้องให้มีแนวคิดใหม่ของธรรมาภิบาลระหว่างประเทศ หากไม่ดำเนินการในรูปแบบพหุภาคีนิยมที่มีประสิทธิภาพ มนุษยชาติก็จะตกอยู่ในสภาวะที่อันตรายยิ่ง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เลขาธิการกูเตอร์เรสได้ยื่นรายงานว่าด้วยความร่วมมือแบบครบวงจรของโลก“กระบวนการร่วมกันของเรา” ต่อสมัชชาสหประชาชาติ โดยระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทั่วโลกไม่มั่นคงอย่างหนัก จากวิกฤตอนามัยโลกที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ในช่วงหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ไปจนถึงภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ได้คุกคามการดำรงอยู่ของมนุษย์ จากการลดน้อยลงในความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างประเทศ ไปจนถึงขาดแคลนการรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคมมนุษย์ จากการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ไปจนถึงการปฏิบัติต่อธรรมชาติแบบก่อ “สงครามฆ่าตัวเอง” ของมนุษย์ ล้วนแสดงให้เห็นว่า มนุษย์กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญยิ่ง
เลขาธิการกูเตอร์เรสลงความเห็นว่า ยุค 2.0 ของสหประชาชาติซึ่งถือพหุภาคีนิยมเป็นแกนนำได้มาถึงแล้ว จำเป็นต้องละทิ้งแนวคิดที่เอาแต่ GDP อย่างเดียว ที่มุ่งการพัฒนาด้วยความเร็วสูงและมองข้ามการอนุรักษ์คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตลอดจนไม่คำนึงถึงคุณภาพในการพัฒนา ปัญหาความไม่เสมอภาคเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ยากไร้กับคนร่ำรวยที่กระทบความปรองดองของสังคมนั้น จำต้องได้รับการแก้ไข
(Yim/Zhou)